|

คลังสั่งแบงก์ปรับนวัตกรรมการเงิน หวังเอื้อประโยชน์ข้าราชการผ่อนบ้าน
ผู้จัดการรายวัน(24 พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
คลัง บี้หน่วยงานรัฐให้ความร่วมมือคืนที่ราชพัสดุให้กรมธนารักษ์สร้างบ้านข้าราชการ ชี้สร้างปีละแสนยูนิต ยังต้องใช้เวลาถึง 10 ปีจึงจะครอบคลุมความต้องการ พร้อมส่งสัญญาณแบงก์ คิดนวัตกรรมทางการเงินเอื้อข้าราชการมีความสามารถผ่อนชำระ "ขรรค์" เอ็มดี ธอส. แย้มแผนลดภาระค่างวดในช่วง 5 ปีแรก
วานนี้ (23 พ.ย.) นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดตัวโครงการ "บ้านธนารักษ์" ว่าข้าราชการของประเทศไทยมีอยู่หลายล้านคน ซึ่งแต่ละคนมีความฝันที่จะมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยเฉพาะ ข้าราชการที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี ซึ่งมีความฝันที่จะสร้างครอบครัว ดังนั้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเข้ามา ให้ความช่วยเหลือให้มากที่สุด
ทั้งนี้ ในส่วนของกรมธนารักษ์ มีโครงการ "บ้านธนารักษ์" คือโครงการที่นำที่ดินราชพัสดุของหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์ไม่เต็มศักยภาพ มาสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ข้าราชการ และลูกจ้างประจำของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าที่ดิน อันจะทำให้ราคาบ้านถูกลง เพิ่มความสามารถในการผ่อนชำระแก่ข้าราชการมากขึ้น ขณะที่ข้าราชการจะได้สิทธิการเช่าระยะยาวถึง 30 ปี และขายเปลี่ยนมือได้หลัง 5 ปีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกรมธนารักษ์ สามารถสร้างที่อยู่อาศัยได้เพียงปีละ 10,000-20,000 ยูนิต ซึ่งยังน้อยเกินไป สำหรับความต้องการที่ยังมีอยู่สูง แม้ว่าจะสร้างถึง 100,000 ยูนิต ก็ยังต้องใช้เวลาถึง 10 ปี จึงจะสนองความต้องการได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นหากส่วนราชการต่างๆ ให้ความสำคัญต่อความกินดีอยู่ดีของข้าราชการในสังกัดของตนเอง ควรให้ความร่วมมือกับกรมธนารักษ์ด้วยการคืนที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้กรมนำมาดำเนินการในส่วนนี้
นอกจากนี้ สถาบันการเงิน ควรคิดนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เพื่อรองรับโครงการนี้ เพราะระบบราชการมีความมั่นคงมาก แม้ว่าเงินเดือนเริ่มต้นของข้าราชการจะต่ำ แต่เพิ่มขึ้นทุกปีและมีความมั่นคงสูง ดังนั้นสถาบันการเงินสามารถสร้างนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ โดย อาศัยจุดเด่นดังกล่าว เช่น ให้ผ่อนชำระเพียง 25% ของเงินเดือน ในช่วงแรกๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการผ่อนชำระ ระหว่าง ที่ข้าราชการยังมีภาระด้านอื่นๆ และรายได้ยังน้อยอยู่ แล้วจึงเพิ่ม ในภายหลังเมื่อมีรายได้สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เริ่มลดลงแล้ว
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ได้รับนโยบายจาก รมว.คลัง ให้ช่วยดูแลเรื่องการสร้างนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อช่วยเหลือข้าราชการ ซึ่งมองว่าการที่จะช่วยให้ข้าราชการมีความสามารถในการผ่อนชำระได้ คือ จะต้องลดภาระค่างวดในช่วง 5 ปีแรก ให้น้อยลง เพราะเป็นช่วงที่มีค่าใช้จ่าย อื่นๆ โดยเฉพาะ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ทั้งนี้ หากสามารถประยุกต์ใช้ในโครงการอื่นก็จะดำเนินการต่อไป
ด้านนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า หลังจากกรมธนารักษ์ และบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ ร่วมโรดโชว์โครงการบ้านธนารักษ์ใน 6 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ภูเก็ต สุพรรณบุรี นนทบุรี อุบลราชธานี และชลบุรี ปรากฏว่า ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา มียอดจองรวมแล้วกว่า 1.28 เท่า แต่ยังมีบางโครงการที่ยอดจองยังไม่เต็มจำนวน ซึ่งกรมธนารักษ์จะเปิดให้ จองบ้านธนารักษ์จนถึงวันที่ 7 ธันวาคมนี้
สำหรับเป้าหมายการก่อสร้าง บ้านธนารักษ์ ในปีงบประมาณ 2549 มีจำนวน 1,500 หน่วย ใน 6 จังหวัดดังกล่าว และเตรียมที่จะเพิ่มอีก 670 หน่วย ในจังหวัดนครสวรรค์ สุราษฎร์ธานี เชียงราย สมุทรสงคราม และปราจีนบุรี ส่วนเป้าหมายการสร้างบ้านธนารักษ์ ในช่วง 4 ปีข้างหน้า (2549-2552) จะสร้างอย่างน้อย 20,000 หน่วย มูลค่าก่อสร้างเฉลี่ย 1.2 ล้านบาท ต่อหน่วย หรือประมาณ 24,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม โครงการสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ และที่สำคัญความร่วมมือจากส่วนราชการที่จะนำที่ดินมาให้จัดสรร ซึ่งเป็นสาเหตุที่ตั้งยอดการสร้างบ้านไว้ไม่มากนัก
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|