การอภิปรายเรื่องอิเล็กทรอนิกส์คอมเมิร์ชของ ชาญชัย จารุวัสตร์ ปลุกเร้าตลาดขึ้นทุกขณะ
เพราะเข้าใจนำภาพร่างในยุคดิจิตอลมาเสริมความโดดเด่นให้แก่ธุรกิจบริการของกลุ่มสามารถ
กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โชว์วิสัยทัศน์อีกครั้งหนึ่ง
ในการสัมมนาธุรกิจวิชาการ เรื่อง ELECTRONIC COMMERCE ON THE INTERNET จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เมื่อปลายเดือนที่พฤศจิกายน โดยบริษัท TTF จำกัด ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
มิอาจปฏิเสธได้ว่า ตั้งแต่ชาญชัยรับตำแหน่งใหญ่ในกลุ่มสามารถเมื่อต้นปี
2538 เขาอาศัยความเป็นนักการตลาดที่รอบรู้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สร้างกระแสอิเล็กทรอนิกส์
คอมเมิร์ชอย่างต่อเนื่อง
อิเล็กทรอนิกส์ คอมเมิร์ช และอาจนับรวมไปถึงอิเล็กทรอนิกส์ ลีฟวิ่ง อิเล็กทรอนิกส์
มีเดีย คือ ธุรกิจแนวใหม่ที่ชาญชัยพยายามทำให้เป็นจริงทั้งในวงการบริหารภายในกลุ่มสามารถ
การสร้างตลาดใหม่ที่อาศัยการสื่อสารในรูปดิจิตอล และการเปลี่ยนกลุ่มสามารถจากธุรกิจในภาคการผลิตไปสู่ภาคบริการ
ทุกครั้งที่อภิปรายจึงไม่ใช่แค่ไฟไหม้ฟาง แต่เป็นการฉายอนาคตของตนเอง บริษัท
และโลกธุรกิจ
ชาญชัยยังต้องเดินสายอภิปรายในทำนองนี้อีกหลายหน และเขาก็ใจกว้างพอที่จะยอมรับว่า
เนื้อหานั้นเอามาจากหนังสือโด่งดัง 3 เล่ม คือ GLOBAL PARADOX, THE ROAD
AHEAD และ BEING DIGITAL
เมื่อเป็นเช่นนี้ วิสัยทัศน์ของกลุ่มสามารถก็คงเกี่ยวข้องกับหนังสือทั้งสามเล่มนี้
ยกเว้นในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร กลุ่มสามารถยินดีที่จะใช้ตำราเล่มเดียวกับไอบีเอ็ม
คือ THE SEVEN HABITS OF HIGHLY EFFECTIVE PEOPLE
บ่อยครั้งมีคนสงสัยว่า แนวคิดอิเล็กทรอนิกส์ คอมเมิร์ช จะสร้างเม็ดเงินได้จริงหรือไม่
จำเป็นแก่กลุ่มสามารถแค่ไหน หรือเป็นเพียงโลกในฝันอีกบทหนึ่ง
เรื่องนี้พิจารณาได้จากธุรกิจของกลุ่มสามารถ และการพูดถึงชีวิตในยุคดิจิตอลของชาญชัย
ซึ่งสอดคล้องกัน
ธุรกิจของกลุ่มสามารถประกอบด้วย 1) ธุรกิจให้บริการเครือข่ายสื่อสารผ่านดาวเทียม
2) ธุรกิจให้บริการทางเทคนิค 3) ธุรกิจบริการเสริม
ในธุรกิจประเภทที่ 1 หรือ VSAT จะเห็นได้ว่า ตลาดนี้จะมีผู้ใช้บริการอยู่
3,000 จุดทั่วประเทศ อันเป็นผลมาจากการที่ธุรกิจต่าง ๆ มีการขยายตัวออกสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น
ทำให้มีความจำเป็นในการติดต่อระหว่างสำนักงานใหญ่กับสาขา หรือระหว่างสาขากับสาขามากขึ้น
แนวโน้มของตลาดนี้จึงกว้างใหญ่ แต่ปัญหาการแข่งขันสูง จนมีการตัดราคาบริการ
ก็ทำให้ผู้นำตลาด เช่น บริษัท สามารถ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) ไม่สามารถกอบโกยเงินทองได้อย่างเต็มไม้เต็มมือ
ทางออก คือ หากมองว่า วีแสทเป็นเครือข่ายหลักของกลุ่มสามารถ โดยยุทธศาสตร์ก็ต้องสร้างบริการเสริมต่าง
ๆ ขึ้นบนเครือข่ายนี้ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพราะข้อดีของเครือข่ายดาวเทียม
คือ สามารถรับส่งสัญญาณดิจิตอลต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องอินเตอร์เน็ต
อีดีไอ อี-เมล์ พอสเน็ท (บริการเช่าใช้ระบบเครือข่าย โดยใช้บัตรเป็นสื่อในการชำระที่จุดขาย)
ความเชี่ยวชาญในเรื่องแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ของชาญชัย จึงสอดคล้องกับเครือข่ายหลักของสามารถ
และทำให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ ในยุคดิจิตอล จากการอภิปรายของชาญชัย ก็พอจะเห็นภาพของการปรับลดขนาดองค์กร
การใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุน และการลดขั้นตอนการจำหน่ายต่าง ๆ
"อีกหน่อยค้าขายกันบนอินเตอร์เน็ต บริษัทเล็ก ๆ มีพนักงานไม่กี่คน
อาจดีไซน์โฮมเพจให้ดูน่าสนใจกว่าไอบีเอ็ม ก็เป็นไปได้ มันขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างสรรค์
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกำลังคน ถ้าคุณเคยดูโฮมเพจอเมซอน ซึ่งขายหนังสือ ก็จะเห็นได้ว่า
ขายดีมาก โดยที่ไม่ต้องพึ่งร้านค้าปลีกเลย เพียงแต่รวบรวมรายชื่อหนังสือมาแสดง
เมื่อคนสั่งซื้อ ก็ส่งหนังสือไปทางไปรษณีย์ นี่ก็เป็นลักษณะการลดต้นทุน"
ชาญชัย กล่าว
ผู้บริโภคไม่ได้สนใจว่า บริษัทต่าง ๆ มีพนักงานมากแค่ไหน แต่สนใจที่คุณภาพของสินค้า
ราคา และการบริการที่รวดเร็ว
เป็นตัวอย่างง่าย ๆ ที่จะทวีความสำคัญยิ่งขึ้นในยุคดิจิตอล โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมประสานกับแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์
การรวมกันระหว่างแอพพลิเคชั่นและเครือข่าย กำหนดให้ธุรกิจของกลุ่มสามารถก้าวไปสู่ยุคที่
2 คือ เป็นบริการเสริมทางอิเล็กทรอนิกส์ มิใช่ธุรกิจการผลิตที่ตลาดเล็กลงทุกวัน
แต่มีปัญหาค่าใช้จ่ายสูง และมีกำลังคนมากเกินจำเป็น
ต่อไปนี้ การเติบใหญ่ของกลุ่มสามารถจะขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การขาย คือ แทนที่จะขายเฉพาะบริการเชื่อมโยงสัญญาณดาวเทียมแต่ละจุด
ก็จะมีบริการต่าง ๆ เพิ่มเติมเข้าไปด้วย เช่น กรณีอินเตอร์เน็ต ลูกค้าสามารถใช้จานดาวเทียมเชื่อมโยงกับอินเตอร์เน็ต
โดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุน
ในงานสัมมนา ชาญชัยปรารภในทำนองว่า ผู้คนนั้นชอบปฏิเสธและสงสัยต่อเทคโนโลยีใหม่
ๆ นอกจากนี้ ก็ชอบสงสัยถึงความคุ้มค่าของเทคโนโลยี แต่อันที่จริงการลงทุนในด้านเทคโนโลยีต้องหวังความสำเร็จในระยะยาว
ฟังคำปรารภแล้วก็ให้นึกถึงยุทธศาสตร์ของกลุ่มสามารถ ซึ่งหวังสร้างเม็ดเงินจากบริการเสริม
อาทิ ธุรกิจอีดีไอ หรือการแลกเปลี่ยนเอกสารธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจการให้บริการอินเตอร์เน็ต
หรือที่เรียกว่าสามารถไซเบอร์สเปซ ตลอดจนโครงการประชุมทางไกลและการเรียนรู้ทางไกลผ่านดาวเทียม
ธุรกิจในแนวนี้ ล้วนต้องอาศัยการลงทุนสูง เพื่อผลกำไรในระยะยาว หากเจ้าของกลุ่มสามารถไม่เข้าใจเงื่อนไขนี้
ก็คงสร้างความยุ่งยากใจให้ชาญชัยได้ไม่น้อย แต่ดูเหมือนชาญชัยก็ฝ่าด่านนี้มาได้อย่างสบาย
แม้เสียงนกเสียงกาจะปล่อยข่าวลือว่า เขาจะลาออกเป็นระยะ
ธวัชชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น
จำกัด ก็ยอมรับว่า สามารถจะเติบโตแตกต่างไปจากบริการเสริมเข้าสู่บริการพื้นฐาน
แม้บริการเสริมต่าง ๆ จะทำให้ต้องอาศัยเวลาในการสร้างผลกำไรในระยะยาว
กระแสสูงของอิเล็กทรอนิกส์ คอมเมิร์ช เริ่มกลายเป็นคำฮิตติดปาก นี่นับเป็นคุณูปการ
หลังจากชาญชัยถูกวิจารณ์ว่า การเป็นอดีตผู้บริหารไอบีเอ็ม ชำนาญเพียงธุรกิจคอมพิวเตอร์
อาจไม่เหมาะกับธุรกิจคมนาคมในภาคการผลิตเท่าไรนัก แต่เขากลับมอบว่า ภูมิหลังของเขาคือแต้มต่อ
มุมมองด้านคอมพิวเตอร์ทำให้สามารถสร้างบริการเสริมได้อย่างเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของมนุษย์
"บริษัทที่เปลี่ยนไม่ทันโลกจะมีสภาพเป็นเช่นไร ไอบีเอ็มที่เคยยิ่งใหญ่กลายเป็นบริษัทที่ขาดทุนมากที่สุดในโลก
เพราะจะทำมันไปทุกเรื่อง นี่ถ้าผมสนับสนุนให้กลุ่มสามารถทำเคเบิลทีวี ผมก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้
เพราะก็เห็นกันอยู่ว่าขาดทุนกันทั้งนั้น"
อย่าเข้าใจว่า ชาญชัยกระแหนะกระแหนรังเก่า อันที่จริง เขาต้องการชี้ให้เห็นว่า
ในยุคต่อไปขนาดที่เหมาะสมขององค์กร และทิศทางธุรกิจที่ถูกต้องนับเป็นเรื่องที่จะต้องใคร่ครวญให้ลึกซึ้ง
ที่สำคัญ คือ จะต้องมีการใช้เทคโนโลยีช่วยในการบริหารองค์กรให้มีความคล่องตัวและลดค่าใช้จ่าย
ไม่เพียงแค่การอภิปราย เกือบสองปีที่อยู่ในกลุ่มสามารถ ชาญชัยก็ดำเนินการบริหารตามแนวทางอิเล็กทรอนิกส์
คอมเมิร์ช มีการแจกคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คให้แก่ผู้บริหารระดับต่าง ๆ จำนวน
80 คน เพื่อใช้สื่อสารด้วยอี-เมล์ และใช้คอมพิวเตอร์บริหารงานเอกสารต่าง
ๆ ทั้งยังมีโครงการนำระบบสื่อสารไร้สายมาใช้ในการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกลุ่มผู้บริหารของสามารถไปถึงกลุ่มคู่ค้า
และกลุ่มลูกค้าด้วย
เขามีความเห็นว่า ความรวดเร็วของข่าวสารข้อมูลในรูปดิจิตอล และการแข่งขันสูง
จะทำให้เกิดบริษัทย่อย ๆ จำนวนมาก ลดขั้นตอนการบังคับบัญชี ตัดแผนกที่ไม่จำเป็นออกไป
"สายการบังคับบัญชาแบบเดิมจะหมดไป อันที่จริงทุกวันนี้ ก็ไม่ค่อยจำเป็นอีกต่อไปแล้ว
แต่ผู้บริหารยังหวงอำนาจกันอยู่ ต้องการปกครองคนจำนวนมาก มีแต่ทำให้สิ้นเปลือง
โลกดิจิตอลทำให้ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้เท่ากัน เพียงแค่เปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์
จึงไม่จำเป็นที่ผู้บริหารจะต้องไปสั่งสอนเขาในทุกเรื่อง"
ดูเหมือนอิเล็กทรอนิกส์ คอมเมิร์ช จะกลายเป็นแก้วสารพัดนึกไปเสียแล้ว แต่ก็นับว่าเป็นมุมมองที่เฉียบคมยิ่ง
เพราะแม้แต่ธวัชชัย วิไลลักษณ์ก็เพิ่งวาดฝันไว้หยก ๆ ว่า "ปีนี้ผมเน้นอิเล็กทรอนิกส์
คอมเมิร์ช และอิเล็กทรอนิกส์ มีเดีย ให้ลงตัวก่อน ลองดูถ้าสมาชิกอินเตอร์เน็ตเรามีสักแสนราย
รายได้เดือนละเกือบ 100 ล้านบาท มันไม่ใช่ธุรกิจเล็ก ๆ นะ"
คงไม่ง่ายนักสำหรับเมืองไทย ซึ่งบริษัทผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเพียงรายเดียวจะมีสมาชิกนับแสนราย
อย่างไรก็ดี การเปิดเกมรุกด้านดิจิตอลของกลุ่มสามารถก็นับเป็นการกระตุ้นตลาดที่ก่อให้เกิดผลดีแก่ส่วนรวม