ไอเอ็นจีตั้งเป้าปีหน้าโตอีก20% เน้นออกตราสารหนี้เกาะดอกเบี้ย


ผู้จัดการรายวัน(23 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

บลจ.ไอเอ็นจีตั้งเป้าปีหน้า สินทรัพย์ขยายตัวอีก 20% หลังปีนี้เติบโตไปแล้วกว่า 30% เผยยังเน้นกองทุนตราสารหนี้เป็นหลัก แต่อายุการลงทุนจะยาวขึ้นจากระยะสั้นๆ 6 เดือนเป็น 2 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ประเดิมไตรมาสแรกปีหน้า

นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทในปีหน้าว่า จะยังคงเน้นออกกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยน แปลงของอัตราดอกเบี้ย โดยในช่วงไตรมาส แรกจะมีกองทุนตราสารหนี้อายุประมาณ 2 ปี ซึ่งเป็นกองทุนที่อายุยาวขึ้นจาก 6 เดือนหรือ 1 ปีที่เน้นออกในปีนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุน ทั้งนี้ เนื่องจากเชื่อว่าในช่วงดังกล่าวอัตราดอกเบี้ยน่าจะขยับขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว

โดยในปีหน้า บริษัทตั้งเป้าการเติบโต ประมาณ 20% จากปีนี้ที่ขยายตัวแล้วประมาณ 30% ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์ ภายใต้การบริหารรวมประมาณ 1.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 8.3 หมื่นล้านบาทในช่วงสิ้นปี 2547 ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นการขยายตัวมาจากกองทุนตราสารหนี้ ทั้งตราสารหนี้เอกชนที่เปิดขายในช่วงต้นปีและตราสารหนี้ภาครัฐที่มีความมั่นคง และมีความเสี่ยงน้อยกว่าในช่วงครึ่งหลังของปี รวมถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) ที่ออกมาทั้งหมด 3 กองทุนด้วย

"ปีนี้เราเติบโตแล้วประมาณ 30% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 20% โดยส่วนใหญ่มาจากกองทุนตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งในปีหน้าและปีต่อๆ ไป เราตั้งเป้าจะเติบโตให้ได้ปีละ 20% ไปเรื่อยๆ" นายจุมพลกล่าว

นายจุมพลกล่าวต่อว่า สำหรับแผน การออกกองทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมีกองทุนออกมาอีกทั้งหมด 3 กองทุน ซึ่งมีทั้งกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนตราสารหนี้ และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดขายหน่วยลงทุนสำหรับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บิ๊กแคป หุ้นระยะยาว กองทุนรวมหุ้นระยะยาวกองใหม่ มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาทระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายนถึงวันที่ 9 ธันวาคมนี้

โดยกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในหุ้นบิ๊กแคปขนาดใหญ่ที่มีมาร์เกตแคปมาก กว่ามาร์เกตแคปรวมของตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ 2% ขึ้นไปหรือลงทุนในหุ้นที่มีขนาดตั้งแต่ 100,000 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ กองทุนจะกระจายการลงทุนออกไปในเซกเตอร์ต่างๆ และเลือกหุ้นที่มีผลประกอบการดี มีศักยภาพและที่สำคัญต้องเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วย 1 ครั้งต่อปีด้วย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนในช่วงนี้ เชื่อว่าน่าจะเป็นช่วงที่ดัชนีลดลงค่อนข้างต่ำแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ไปหากดัชนีปรับตัวขึ้นไปอีกครั้ง การลงทุนในหุ้นในกลุ่มบิ๊กแคปน่าจะได้รับผลดี

สำหรับกองทุนตราสารหนี้ บริษัทจะเปิดขายหน่วยลงทุนอีก 1 กองทุน คือ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย พันธบัตร ระยะสั้น 4 มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลอายุประมาณ 6 เดือน ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็น กองทุนที่ต่อเนื่องมาจากกองทุน เปิด ไอเอ็นจี ไทย พันธบัตร ระยะสั้น 1, 2 และ 3 ที่เปิดขายไปแล้วก่อนหน้านี้ และได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีบริษัทยังจะเปิดขายกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย คุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ 4 ซึ่งเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพที่จัดตั้งขึ้นต่อเนื่องจากกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย คุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ กองที่ 1, 2 และ 3 ที่เปิดขายหน่วยลงทุนไปแล้วก่อนหน้านี้เช่นกัน

นายจุมพลกล่าวสรุปงานมหกรรมการลงทุนครบวงจรครั้งที่ 4 หรือ SET in The City 2005 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ภาพรวมงานดังกล่าวอาจจะไม่คึกคักมากนักเมื่อเทียบกับการจัดงานในช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากบรรยากาศการลงทุนในหุ้นไม่เอื้ออำนวย ทำให้ไม่คึกคักเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนที่เข้ามาลงทุนกับไอเอ็นจี พบว่าส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจการลงทุนในกองทุนรวมมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากครั้งก่อนหน้านี้

โดยในส่วนของ บลจ.ไอเอ็นจี มีธุรกรรมการลงทุนผ่านกองทุนรวมทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว และกองทุนรวมเพื่อการเลียงชีพภายในงานดังกล่าวเข้ามาประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงพอสมควร เนื่องจากผู้ลงทุนส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย และประชาชนทั่วไปที่เข้ามาชมงานดังกล่าว

สำหรับภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้น นายจุมพลกล่าวว่า การที่บริษัท กฝผ. จำกัด (มหาชน) ต้องเลื่อนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกไปนั้น เชื่อว่ามีผลกระทบต่อการลงทุนในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากผู้ลงทุนส่วนใหญ่คาดหวังว่าหุ้นดังกล่าว ซึ่งเป็นหุ้นที่มีมาร์เกต แคปขนาดใหญ่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ แต่เมื่อต้องเลื่อน ออกไป ทำให้การลงทุนในหุ้นอาจจะเงียบเหงาลงบ้าง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.