เต็นท์รถมือสองหวั่น กฎใหม่ปปง.ป่วนลูกค้า


ผู้จัดการรายสัปดาห์(21 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

-ผู้ประกอบการรถยนต์มือสองคาดได้รับผลกระทบเต็มๆ หากต้องแจ้งซื้อขายรถราคาเกินล้าน
-เหตุลูกค้าไม่มั่นใจข้อมูลซื้อขายจะรั่วไปที่อื่นหรือไม่ แม้จะเป็นเจตนาดีแต่ยอดขายตกแน่
-แนะรัฐจี้เต็นท์รถที่มีหลายพันรายใช้ะบบภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างจริงจัง หรือไม่ก็ขึ้นทะเบียนในอนุญาตค้าของเก่าให้ครบทุกราย

เต็นท์รถมือสองทั้งรายใหญ่รายเล็ก หวั่นกฎหมายป้องกันการฟอกเงินที่ให้ผู้ซื้อรถยนต์ราคาเกิน 2 ล้านบาท ต้องแจ้งข้อมูลให้คณะกรรมการป้องกันการฟอกเงิน อาจกระทบตลาดโดยรวม เนื่องจากลูกค้าต้องเจอกับขั้นตอนและวิธีการซื้อขายที่มากขึ้น ขณะที่บางคนอาจเกิดความหวาดระแวงว่าข้อมูลการซื้อรถอาจถูกส่งต่อไปกรมสรรพากร และมีผลตามมาในเรื่องการจัดเก็บภาษี

แม้กฎหมายดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ แต่ผู้ประกอบการรถยนต์มือ 2 รายใหญ่แห่งหนึ่งระบุว่า ทราบความเคลื่อนไหวเรื่องดังกล่าวมาได้ระยะหนึ่งแล้ว และมีแนวโน้มสูงมากที่รัฐบาลจะเริ่มนำมาบังคับใช้ในเร็วๆ นี้ ซึ่งคงส่งผลต่อการทำธุรกิจรถมือสองของผู้ประกอบการทุกรายอย่างแน่นอน โดยเฉพาะต่อกลุ่มลูกค้าที่ซื้อด้วยเงินสด หรือแชเชียร์เช็ค เพราะลูกค้าบางคนไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลการซื้อรถยนต์ของตนเอง

อย่างไรก็ตามการซื้อขายรถมือสองที่ราคาเกิน 1 ล้านบาท ก็อาจมีวิธีหลบเลี่ยงได้เช่นกัน เพราะบางครั้งผู้ประกอบการ และลูกค้า อาจมีการทำข้อตกลงต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลการซื้อขายได้ เช่น การให้ลูกค้าจ่ายค่ารถเป็นงวดๆ แทนการจ่ายครั้งเดียว หรือไม่ก็หันไปซื้อด้วยระบบเงินผ่อน หรือแม้กระทั้งการแจ้งราคารถให้ต่ำกว่า 1 ล้านบาทเป็นต้น

ผู้ประกอบการรถยนต์มือสองรายเดิมกล่าวว่า “มันเหมือนกับกรณีการฝากถอนเงินวงเงินเกิน 2 ล้านบาทกับธนาคาร แทนที่จะถอนครั้งเดียวก็แบ่งถอนครั้งละไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งกรณีรถยนต์หากจะมีการหลบเลี่ยงก็น่าจะในลักษณะเดียวกัน แต่คงต้องดูอีกครั้งว่ารายละเอียดหรือขั้นตอนของกฎหมายที่จะนำมาบังคับใช้เป็นอย่างไร

สำหรับรถยนต์มือสองที่ราคาเกิน 1 ล้านบาท ที่มีการซื้อขายมากที่สุดส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์ญี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นหลัก เนื่องจากความต้องการในตลาดมีสูงแม้จะอยู่ในช่วงราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างรัดตัว และส่วนใหญ่ลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นประเภทพ่อค้า หรือไม่ก็นักการเมือง หรือข้าราชการ ที่เกษียณอายุราชการ

ขณะที่ผู้ประกอบการรถยนต์มือ 2 รายใหญ่อีกแห่งหนึ่งมองถึงผลกระทบที่จะตามมาจากกฎหมายดังกล่าวว่า มีผลอย่างมาก แม้ตัวกฎหมายจะมีเจตนาที่ดี และต้องการแก้ปัญหาการฟอกเงินในธุรกิจรถมือสอง แต่ผู้ประกอบการรายนี้มองว่า วงเงินการซื้อขายที่กำหนดขึ้นมาตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไปนั้น ต่ำเกินไป เพราะปัจจุบันรถยนต์ที่ผลิตออกใหม่จำนวนมากในปัจจุบันมีราคาเกิน 1 ล้านบาท รัฐบาลน่าจะขยับตัวเลขการซื้อขายให้เริ่มที่ 2 ล้านบาท เท่ากับการฝากถอนเงินจากธนาคาร

เนื่องจากลูกค้าจำนวนหนึ่ง ทั้งที่ซื้อรถใหม่ป้ายแดง หรือรถยนต์มือสองเองอาจไม่สะดวกในการเปิดเผยข้อมูล อีกทั้งการซื้อขายต้องมขั้นตอนเพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้ลูกค้ารู้สึกเกิดความไม่สะดวก ขณะเดียวกันลูกค้าบางส่วนอาจมีความหวาดระแวงว่าข้อมูลการซื้อขายเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในกรณีอื่น เช่น กรมสรรพกร เพื่อจัดเก็บภาษีด้วยหรือไม่

ผู้ประกอบการรถยนต์มือสองรายนี้ มองว่า หากรัฐต้องการแก้ไขปัญหาการฟอกเงินในธุรกิจรถยนต์มือสอง ก็สามารถทำได้หลายวิธี เช่นการให้กรมสรรพากรเข้มงวดกับการใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มกับบรรดาผู้ประกอบการเต้นท์รถมือสองอย่างจริงจัง เพื่อจะได้ทราบตัวเลขการหรือตรวจสอบการซื้อขายที่แน่นอนและทุกครั้งได้ เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการเต้นท์รถมือสองในกรุงเทพที่มีมากกว่า 5,000 รายนั้น ส่วนใหญ่จะไม่ยอดนำระบบภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้

หรือแม้กระทั้งการออกในอนุญาตขายของเก่า ที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือสตช. ออกให้ผู้ประกอบการนั้น ยังไม่ครอบคลุมผู้ประกอบการทุกราย เช่น ผู้ประกอบรายหนึ่งอาจมีเต็นท์รถในพื้นที่ถึง 30 เต้นท์ แต่มีการแบ่งพื้นที่ให้ผู้ประกอบรายย่อยเข้ามาทำต่อ อาจจะมีมากถึง 10 ราย แต่ใบอนุญาตขายของเก่าอาจมีเพียงใบเดียวคือเป็นของเจ้าของเต็นท์รายใหญ่ ขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อยอื่นๆ ไม่มีในอนุญาตเลย

ทั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่ไม่สุจริตบางราย ทำธุรกิจเต็นท์รถมือสองบังหน้าธุรกิจผิดกฎหมาย ทำให้มีทั้งเรื่องการฟอกเงิน หรือการโกงผู้ซื้อรถ เช่นการโอนรถไม่ได้ หรือการซื้อรถผิดกฎหมายเป็นต้น

“หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการตรวจสอบในอนุญาตเต็นท์รถมือสองทุกราย หรือให้มีการขึ้นทะเบียนในอนุญาตทั้งหมด น่าจะสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของผู้ประกอบการทุกรายได้ เพราะสตช.มีหน่วยงานที่คอยตรวจสอบเต็นท์รถยนต์มือสองทุกๆ เดือนอยู่แล้ว และน่าจะสามารถแก้ปัญหาการฟองเกินจากรถยนต์มือสองได้ดีกว่า”


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.