|
อเบอร์ดีนมั่นใจเศรษฐกิจไทย เพิ่มน้ำหนักลงทุนปีหน้า30%
ผู้จัดการรายวัน(22 พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
อเบอร์ดีนกรุ๊ปมั่นใจเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้น หลังรัฐบาลเข็นโครงการเมกะโปรเจกต์ดันจีดีพี เตรียมเพิ่มน้ำหนักการลงทุน 30% จากปัจจุบันที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าปั้นแบรนด์บลจ.อเบอร์ดีนในไทย ให้ติดตาต้องใจนักลงทุน ส่งสัญญาณบุกตลาดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพปีหน้าเต็มสูบ
นายโรเบิร์ต เพนนาโลซ่า รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2549 ว่า บริษัทแม่ของบริษัทซึ่งประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน จำกัด (มหาชน) แห่งประเทศอังกฤษ และบริษัทอเบอร์ดีน แอสเส็ท แมเนจเม้นท์ เอเชีย ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จากสิงคโปร์ มีนโยบายเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มประมาณ 30% เนื่องจากเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย โดยปัจจุบันมีมูลค่าการลงทุนในไทยประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท
“กลุ่มอเบอร์ดีน เชื่อมั่นในศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากเป็นประเทศหนึ่งในแถบภูมิภาคเอเชียที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันการที่รัฐบาลมีนโยบายลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) จะมีส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวมากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่บลจ.อเบอร์ดีน เลือกลงทุนก็มีอัตราการเติบโตของธุรกิจที่ดี เฉลี่ยแล้วนักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนสูงถึง 4.5% ถือเป็นสัดส่วนที่สูงสุดในภูมิภาคเอเชีย”
สำหรับปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูง บริษัทแม่ไม่ได้แสดงความกังวลกับเรื่องนี้มากนัก เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ส่วนปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เชื่อว่านักลงทุนต่างรับรู้ปัญหาหมดแล้ว ทำให้ไม่ค่อยกังวลกับเรื่องนี้มากนัก
นายเพนนาโลซ่า กล่าวถึงนโยบายการลงทุน ของบลจ.อเบอร์ดีนว่า ในปี 2549 ยังคงให้ความสำคัญในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศก่อน โดยจะชักชวนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น พร้อมทั้งยังเน้นให้ความรู้ด้านการลงทุนแก่นักลงทุนไทยมากขึ้น เพราะในปัจจุบันธุรกิจบริษัทจัดการกองทุนมีกองทุนรวมที่หลากหลาย แต่นักลงทุนไทยยังขาดความรู้ด้านการลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง
"ปีหน้าบริษัทยังคงโฟกัสการสร้างแบรนด์ เพื่อให้เป็นที่รู้จักของทั้งนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนในประเทศไทย โดยสิ่งแรกจะให้ความรู้กับนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนของไทยที่ปัจจุบันมีทางเลือกในการลงทุนหลากหลาย แต่ยังขาดความรู้เรื่องการลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง พร้อมทั้งชักชวนนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ เรายังให้เครือข่ายสาขาของอเบอร์ดีนกรุ๊ปที่มีอยู่ทั่วโลกเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนอเบอร์ดีนประเทศไทยด้วย"
ขณะที่แผนการออกกองทุน บริษัทยังคงเน้นการออกกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวที่ลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ หรือลงทุนในหุ้นกู้บริษัทเอกชนที่มีพื้นฐานดี และหลังจากที่บริษัทแม่ ได้เข้าไปซื้อกิจการของ Deutsche Asset Management ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความชำนาญด้านการบริหารลงทุนเป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมทัพให้กับกลุ่มอเบอร์ดีนมากขึ้น ดังนั้นในช่วงปีหน้าอเบอร์ดีนจะออกกองทุนตราสารหนี้ไม่น้อยกว่า 3 กองทุน ด้านกองทุนหุ้น ขณะนี้ก็มีกองทุนที่หลากหลายและครอบคลุมอยู่แล้ว จึงยังไม่เน้นลงทุนในกองทุนประเภทนี้มากนักในช่วงปีหน้า
นายโรเบิร์ต กล่าวว่า หลังจากการที่บริษัทแม่ได้มีส่วนร่วมบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพขนาดใหญ่ขององค์กรระหว่างประเทศ บริษัทจึงมีแผนจะออกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาโครงสร้างบริษัทที่อเบอร์ดีนจะเข้าไปลงทุนอยู่ นอกจากนี้ ยังเตรียมออกกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ซึ่งลงทุนในตราสารทุนทั่วโลก ซึ่งทั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศจะออกเสนอขายให้แก่นักลงทุนในช่วงต้นปี 2549
สำหรับช่องทางการจำหน่ายภายในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบัน อเบอร์ดีน มีตัวแทนขายผลิตภัณฑ์จำนวน 18 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งไม่ได้ขายผลิตภัณฑ์ทุกอย่างของอเบอร์ดีน ดังนั้นในปีหน้าบริษัทเตรียมหาช่องทางการขายที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ขายเชื่อมโยงผ่านบริษัทประกัน ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจรจา ทั้งนี้เพื่อให้แต่ละแห่งสามารถขายผลิตภัณฑ์ทุกอย่างของอเบอร์ดีนมากขึ้น ทั้งนี้ในปัจจุบันอเบอร์ดีนมีทรัพย์สินสุทธิในการบริหารจัดการทั้งสิ้น 22 พันล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|