เอชพีประกาศ นโยบายปี46 เปิด 3กลยุทธ์


ผู้จัดการรายวัน(17 ธันวาคม 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

เอชพีเปิดแนวรุกตลาดไอทีปี 2546 ด้วย 3 กลยุทธ์ หลักเน้นเรื่องของการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โฟกัสในสิ่งที่มี ความเชี่ยวชาญและบุกกลุ่มเอ็นเตอร์ไพรซ์ควบคู่ไปกับการบริการ ส่วนช่องทางในการทำตลาดยังเน้นผ่านคู่ค้ากว่า 90% พร้อมโชว์ผลประกอบการรอบปี 2545 มียอดขายสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 10%

นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ กรรมการผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์องค์กร ขนาดใหญ่ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัดหรือเอชพีกล่าวถึงนโยบายและกลยุทธ์ในการทำตลาดรอบปี 2546 ว่าสิ่งที่เอชพีจะใช้เป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันจะเน้น 3 เรื่องหลักคือ 1.การ สร้างความแตกต่างในเรื่องของผลิต ภัณฑ์บริการ คุณภาพ และ เทคโนโลยี 2.การให้ความสำคัญหรือโฟกัสเข้าไปในคีย์เซกเมนต์ โดยเลือกในสิ่งที่มีความเชี่ยวชาญและถนัดและ3.บุกตลาดเอ็นเตอร์-ไพรซŒไปพร้อมกับเรื่องการบริการที่แบ่งออกเป็น 5 ส่วนประกอบด้วย

1.Adaptive Infrastructure ซึ่งเป็นการรับมือกับระบบปฏิบัติการหรือโอเอสได้ทุกรูปแบบ เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง 2.Utility Computing ซึ่งเอชพีได้ดำเนินการ มาแล้ว 2 ปี 3.Zero Latency Enterprize ซึ่ง เป็นการทำให้ระบบไอทีสามารถทำงานได้ต่อเนื่องไม่มีล่ม 4.Outsourcing และ5.Solution-led Integration เพื่อนำเสนอโซลูชั่นให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าและตลาด

สำหรับการทำธุรกิจของเอชพีแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ 1.กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์องค์กรขนาดใหญ่2.กลุ่มธุรกิจการบริการ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อพ่วงและการพิมพ์และ 4.กลุ่มผลิตภัณฑ์ เพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์

การทำตลาดในปีหน้า ทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจจะร่วมมือในการที่จะบุกตลาดทุกประเภทด้วยโซลูชั่น และการให้บริการที่ครบวงจรขณะเดียว กันจะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ นำเสนอให้ลูกค้า ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นระดับองค์กรขนาดใหญ่ วิสาหกิจขนาดกลางและย่อมหรือเอสเอ็มอี รวมถึงกลุ่มคอนซูเมอร์

"ตอนนี้เราบริหารแบบวันทีม ไม่มีการแบ่งแยกว่าใครมาจากเอชพี ใครมาจากคอมแพคซึ่งปีหน้าจะบุกตลาดต่อเนื่องขึ้น โฟกัสภาครัฐและรัฐวิสาหกิจมากขึ้น รวมถึงแบงกิ้ง ไฟแนนซ์และธุรกิจโทรคมนาคม"

ปีหน้าเอชพียังคงมุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องซึ่งเอชพีมีนโยบายที่ชัดเจน ในการที่จะโตไปพร้อมกับคู่ค้าเพราะการทำตลาดของเอชพี 85-90%เป็นการขายผ่านคู่ค้า จึงจำเป็นต้องดูแลคู่ค้าให้ดี

นายเชิดศักดิ์กล่าวว่าปีที่ผ่านมาธุรกิจมีการ แข่งขันสูงมาก แต่เอชพีสามารถสร้างผลงานและผลประกอบการได้ตรงตามเป้าหมาย และมียอดขายสูงกว่าเป้าที่วางไว้10% จากที่มีการประเมินในระยะแรกว่าหลังจากรวมกิจการกับคอมแพคแล้วจะทำให้ยอดขายลดลง 10% เนื่อง จากผลิตภัณฑ์หายไปหลายอย่าง สำหรับปัจจัยที่ทำให้เอชพีมียอดขายสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เพราะมีต้นทุนลดลง เนื่องจากมีการปลด พนักงานออกบางส่วน ซึ่งปัจจุบันเอชพี(ประเทศไทย) มีพนักงานประมาณ 400 คน

ส่วนผลประกอบการในรอบปี 2545 มาจากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์องค์กรขนาดใหญ่ 19% กลุ่มธุรกิจการบริการ 12% และเอชพีมีนโยบายที่จะสร้างรายได้จากกลุ่มนี้มากขึ้น กลุ่มผลิต ภัณฑ์ต่อพ่วงและการพิมพ์ 32% กลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตมาก กว่า 20% เมื่อเทียบกับรอบปี 2544

กลุ่มผลิตภัณฑ์เพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์ 35% ซึ่งในปีหน้ากลุ่มนี้จะดำเนินแผนการตลาดเชิงรุกและยังเน้นการร่วมมือกับคู่ค้าและพาร์ตเนอร์ในการนำเสนอโซลูชั่นให้กับลูกค้าต่อไป โดยเน้นการนำผลิตภัณฑ์ไประยุกต์ใช้ร่วมกับแอปพลิเคชั่นต่างๆ ให้เกิดประโยชน์และสาระกับผู้ใช้มากขึ้นและคาดว่าในรอบปี 2546จะมีอัตราการเติบโตประมรณ 25% เนื่องจากจะมีการ นำผลิตภัณฑ์พร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆออกวางตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้อง การครบทุกด้านในตลาดโซลูชั่นพกพารวมทั้งที่เป็นเครื่องเวิร์กสเตชั่น

ด้านช่องทางการจำหน่าย เอชพีได้มีการปรับโครงสร้างอย่างชัดเจน โดยกลุ่มเพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์ จะดูแลตัวแทนจำหน่ายค้าส่งและตัวแทนจำหน่ายค้าปลีกสำหรับองค์กรธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันเอชพีได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายค้าส่งทั้งหมด 5 รายได้แก่ ดิจิแลนด์(ประเทศไทย),เดอะ แวลู ซิสเต็มส์,เทค แปซิฟิก (ประเทศไทย),นิวซิสเต็มส์ คอนซัลแตนท์และเอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น

พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายสำหรับตลาดองค์กรอีก 7 รายคือพารา แอดวานซ์ อินโฟเทค,ซีดีจี ไมโครซิสเต็มส์,ล็อกซเล่ย์, เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น,โมเดิร์นฟอร์ม อินทริเกรชั่น เซอร์วิสเซ็ส,ริโก้(ประเทศไทย)และเอสวีโอเอ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.