|
BAYชูกลุ่มธุรกิจแข่งขันปีหน้า
ผู้จัดการรายวัน(21 พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"พงศ์พินิต เดชะคุปต์" แย้มแผนธุรกิจปีหน้า โชว์ศักยภาพกลุ่มธุรกิจ ภายใต้ชื่อ "กรุงศรีอยุธยา" มั่นใจนำเสนอ ผลิตภัณฑ์และบริการตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ครบวงจรและตรงกลุ่มเป้าหมาย เปิดตัว BAY GROUP ในงาน SET in the City ไปได้สวยนำร่องนวัตกรรมการเงินรูปแบบใหม่ 3 BIZ Package ได้ลูกค้าเพิ่มกว่า 2 พันรายตามเป้า
นายพงศ์พินิต เดชะคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการทำแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2549 ซึ่งเหลือเพียงดูรายละเอียดตัวเลขอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะประกาศใช้ โดยหลักเบื้องต้น ธนาคารจะใช้นโยบายดำเนินธุรกิจร่วมกับบริษัทในเครือเป็นกลุ่มภายใต้ชื่อ "กรุงศรีอยุธยา" ซึ่งจะมีการออกผลิตภัณฑ์ที่ผูกติดกับบริษัทในเครือของธนาคารที่ให้บริการครบวงจร นอกเหนือจากบริการทางการเงินที่ธนาคารได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดังนั้นลูกค้าจะสะดวกสบายที่เข้าตรงมาที่ธนาคารเพียงแห่งเดียว สามารถรับบริการหรือใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของบริษัทในเครือได้ด้วย
ที่ผ่านมา ธนาคารได้เริ่มดำเนินการตามแผนธุรกิจภายใต้กลุ่มกรุงศรีอยุธยาบ้างแล้ว เช่น การขายกองทุนรวม ขายหุ้นกู้หรือตราสารทางการเงิน ประกันชีวิต ประกันภัย รวมทั้งผลิตภัณฑ์ด้านอื่นๆ ซึ่งได้รับการตอบสนองจากลูกค้าเป็นอย่างดี และในปีหน้าจะเห็นการให้บริการรูปแบบรวมกลุ่มกันมากยิ่งขึ้น ที่จะนำเสนอสินค้าและบริษัทที่เป็นแพกเกจ ให้เหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละรายหรือแต่ละกลุ่มที่ธนาคารจะมีระบบข้อมูลของลูกค้าทุกกลุ่มอยู่แล้ว โดยคาดว่าระบบข้อมูลลูกค้าดังกล่าวจะเสร็จภายในต้นปีหน้า
"ะบบข้อมูลดังกล่าว จะสนับสนุนการให้บริการกับลูกค้าได้อย่างดี โดยเมื่อลูกค้ารายหนึ่งเดินเข้ามาในแบงก์ พนักงานจะเข้าไปดูข้อมูล และสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์เบื้องต้นตามที่ลูกค้าต้องการได้ทันที และยังสามารถตรวจสอบ หรือดูข้อมูลอื่นๆได้ หากลูกค้ายังทำธุรกรรมหรือมีเรื่องค้างไว้กับแบงก์ นอกจากนี้หลังจากที่แบงก์ได้ทำรีแบรนดิ้ง ทำให้ชื่อ กรุงศรีอยุธยา เป็นที่รู้จักและขยายฐานมากขึ้น ดังนั้นเชื่อว่า การใช้นโยบายร่วมกับบริษัทในเครือเป็นกรุ๊ป จะสร้างความประทับใจและตอบสนองบริการให้กับลูกค้าได้ตรงเป้าหมายที่สุด" รรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของธนาคารคงจะต้องลุยธุรกิจในทุกๆ กลุ่ม ทั้งรายใหญ่ รายย่อย และเอสเอ็มอี ซึ่งในปีหน้าธนาคารมีแผนที่จะเปิด สาขาเพิ่มเติมอีก 50 สาขา จากปีนี้ธนาคารจะเปิดสาขาเพิ่มเติมประมาณ 50 สาขา ส่งผลให้สิ้นปี 2548 ธนาคารจะมีสาขาประมาณ 490 สาขา เพื่อ ให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง โดยรูปแบบของสาขาส่วนใหญ่จะเป็นสาขาย่อย ที่อยู่ตามศูนย์ การค้า ที่เน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้บริการ เช่น ล่าสุดจะเปิดสาขาสยามพารากอน และมีสาขาเต็มรูปแบบบ้างตามความเหมาะสม เปิดตัว BAY GROUP ในงาน SET in the City
ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและบริษัทในเครือ ได้เข้าร่วมงาน"SET in the City 2005" มหกรรมการลงทุนครบวงจร โดย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา และบริษัทบัตรกรุงศรีอยุธยา เปิดตัว 3 BIZ Package ในงาน SET in the City ตั้งเป้าได้ลูกค้าใหม่ 2 พันราย
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (AYS) กล่าวว่า 3 BIZ Package เป็นนวัตกรรม ทางการเงินรูปแบบใหม่ ซึ่งลูกค้าสามารถสมัครใช้บริการทางการเงินในครั้งเดียวและได้รับการใช้บริการของบริษัท ในเครือถึง 3 แบบ ซึ่ง บริการใหม่จะช่วยให้ลูกค้าจัดการด้านการเงินและการลงทุนได้อย่างเป็นระบบและคล่องตัวมากขึ้น โดยกลุ่มเป้าหมายของบริษัทได้แก่นักลงทุนรุ่นใหม่ที่ต้องการบริการทางการเงินที่สะดวกรวดเร็ว การเปิดตัวในงาน SET in the City ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก คาดว่าลูกค้ามาเปิดบัญชีใหม่ 2,000 รายตามเป้าหมาย
"บริการทางการเงินแบบใหม่เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการผนึกกำลังของบริษัทในเครือในการให้บริการกับลูกค้าของธนาคารอย่าง ครบวงจร" นายฉัตรพี กล่าว
นางชาลอต โทณวณิก ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการร่วมกับบริษัทในเครือ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์บริการ และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการทางการเงิน โดยบริการดังกล่าวจะเป็นบริการที่ช่วยบริหารเงินอัตโนมัติด้วยระบบการเชื่อมโยงบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์เข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถหมุนเวียนเงินจากบัญชีหนึ่งไปอีกบัญชีหนึ่งเมื่อต้องการใช้ได้ในทันที
โดยเมื่อมีการนำเช็คมาตัดจ่ายจากบัญชี กระแสรายวัน หากเงินในบัญชีกระแสรายวันมีไม่เพียงพอระบบจะโอนเงินจากบัญชี ออมทรัพย์ ของเจ้าของบัญชีมาเข้าบัญชีกระแสรายวันให้โดยอัตโนมัติ และหากมีเงินคงเหลือระบบก็จะโอนเงินคง เหลือกลับไปบัญชีออมทรัพย์ทุกสิ้นวัน เพื่อรับดอกเบี้ยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการโอนบัญชีแต่ละรายการ จึงทำให้ผู้ใช้บริการสามารถบริหารการเงินได้อย่างมีคุณภาพ และมีความสะดวกสบายไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางมาธนาคาร แต่ก็ยังมีเงินสำรองสำหรับการใช้จ่ายตลอดเวลาและไม่ ต้องกังวลว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย
นอกจากการเชื่อมโยงระหว่างบัญชีเพื่อช่วย บริหารการเงิน ของลูกค้าแล้ว ธนาคารยังได้เพิ่ม สภาพคล่องให้กับลูกค้าที่ใช้บริการ กรุงศรี แคช คอนเน็ก ด้วยการมอบสิทธิรับวงเงิน O/D ได้อีก ถ้าคุณมีเงินฝากประจำกับธนาคารหรือหากไม่มีคุณก็ สามารถเปิดบัญชีเงินฝากประจำเพิ่มอีกหนึ่งบัญชี แล้วรับวงเงิน O/D สูงสุด 5 แสนบาท พร้อม อัตราดอกเบี้ยเพิ่มเพียง 2% จากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ โดยวงเงินนี้จะเชื่อมกับระบบของกรุงศรี แคช คอนเน็ก เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสำรองเงินในยามที่บัญชีออมทรัพย์มียอด เงินไม่พอระบบจะตัดจากวงเงิน O/D ให้โดยอัตโนมัติ จึงสามารถตัดปัญหาเงินขาดมือออกไปได้อย่างสบายๆ มั่นใจได้ว่าการเงินไม่สะดุด
ด้านนางวรรวิมล กนกธนาพร ผู้อำนวยการ อาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัทบัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันบัตรเครดิตได้เข้ามามีบทบาทในการดำรงชีวิตของคนรุ่นใหม่มากขึ้น ดังนั้นความร่วมมือกับบริษัทในเครือก็จะทำให้ผู้ถือบัตรมีความสะดวกสบายในการบริหารการใช้ จ่ายและจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|