สุวิทย์ คุณกิตติ กุมทัพเพอร์แวร์ เล็งเป็นผู้นำธุรกิจขายตรงใน 5 ปี


ผู้จัดการรายสัปดาห์(17 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

สุวิทย์ คุณกิตติ เข้าดูแลทัพเพอร์แวร์ใช้เม็ดเงินลงทุน 100 ล้าน ปั้นทัปเปอร์แวร์ เป็นผู้นำธุรกิจขายตรง หวังห้าปีระดมทุนสร้างโรงงานผลิต พร้อมแตกไลน์สินค้า เจาะกลุ่มคนระดับกลาง-สูง กระจาย สินค้าไปทั่วห้างสรรพสินค้าเพิ่มช่องทางการจำหน่าย

หลังหยุดพักทางการเมืองชั่วคราวเพราะปัญหาทางสุขภาพ สุวิทย์ คุณกิตติ เจ้าของไอเดีย กองทุนหมู่บ้านของพรรคไทยรักไทย ได้ผันตัวเองจากนักการเมืองพาครอบครัวก้าวเข้ามาลงทุนเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทัปเปอร์แวร์ เพียงรายเดียวในประเทศไทย จาก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป็นการลงทุนในนามบริษัท เอสเค อินเตอร์กรุ๊ป 2005 กัด

การเข้ามาครั้งนี้ สุวิทย์ คุณกิตติ ประธานกรรมการ บริษัท เอสเค อินเตอร์กรุ๊ป 2005 มองว่าธุรกิจทัปเปอร์แวร์ยังมีช่องว่างให้ทำกำไรได้อีกมาก เพราะด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์และความเชื่อมั่นในตราสินค้าของทัพเพอร์แวร์ที่มีมาอย่างยาวนาน เขาคาดว่าการเข้ามาครั้งนี้ภายในสามปีคาดว่าจะพาทัปเปอร์แวร์มีรายได้เข้ามา 1,000 ล้านบาท

" จุดแข็งของทัพเพอร์แวร์คือตราสินค้า แต่จุดอ่อนคือระบบการขายตรง พอได้เข้ามาก็จะบริหารจัดการให้จุดอ่อนลดลงไปให้ได้ และต้องเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้จุดแข็งเด่นขึ้นมาให้ได้"

ใช้ตราทัพเพอร์แวร์ต่อยอด

สุวิทย์ บอกว่า ได้ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาธุรกิจนี้ให้มีกำไรถึงพันล้านบาทภายในห้าปี โดยเริ่มแรกกำไรที่จะเกิดขึ้นนั้นจะมาจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ตราสินค้าทัปเปอร์แวร์ โดยในแผนธุรกิจที่วางไว้นั้น ในปี พ.ศ. 2549 นั้นจะยังคงเน้นที่ผลิตภัณฑ์ทัพเพอร์แวร์ 50% และเครื่องใช้ในครัวเรือน คาดว่าในปี 2549 จากการรุกสินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือนมากยิ่งขึ้น เช่น หม้อสแตนเลสเคลือบ 10 ชั้นที่เป็นจุดเด่นของทัปเปอร์แวร์ และมีการทำการตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น จะทำให้บริษัทมีกำไร ณ สิ้นปี 200 ล้านบาท และคาดว่าอีกสามปี หรือในปี 2552 ทัปเปอร์แวร์จะมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านบาท จากการที่มีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากเดิมจากบริษัททัปเปอร์แวร์ในอเมริกา

เพิ่มสินค้าตามสหรัฐฯ

ในปี 2554 บริษัทจะมีกำไรเข้ามา เป็นหนึ่ง 1,000 ล้านบาท จากการเพิ่มปริมาณและประเภทสินค้าสุขภาพและเครื่องสำอาง เนื่องจากบริษัทแม่ทัปเปอร์แวร์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้าไปซื้อกิจการบริษัท ซาร่า ลี ซึ่งเป็นบริษัทสินค้าเพื่อสุขภาพและ บริษัท นูทรี ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องสำอาง ซึ่งจะเข้ามาเป็นแหล่งรายได้สำคัญของบริษัท เพราะแม้แต่บริษัทแม่ที่สหรัฐอเมริกาเอง ยังคาดการณ์ว่าการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ จะทำให้การจัดจำหน่ายสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้น 38% ดังนั้น สุวิทย์จึงคาดว่า การเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่จะทำให้รายได้ของทัปเปอร์แวร์เพิ่มขึ้น

ผลิตภัณฑ์ของซาราลี ประเภทผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องดื่ม จะเข้ามาในตลาดก่อนจากนั้นเครื่องสำอางนูทรีจะตามมา โดยในอนาคต สัดส่วนของทัปเปอร์แวร์จะลดลงไปจะแบ่งให้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งสองประเภท แต่ทั้งนี้ยังอยู่ในขั้นตองการวิจัยหาข้อมูลว่าสัดส่วนที่แน่นอนจะเป็นเช่นไร โดยเฉพาะ สินค้าประเภทเครื่องสำอาง

เพิ่มช่องทางขายสินค้า

นอกจากนั้น สุวิทย์มองว่า ฐานลูกค้าเดิมของทัปเปอร์แวร์นั้นอยู่เฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงไป เพราะเป็นธุรกิจขายตรง แต่ทางบริษัทได้ทำการสำรวจตลาดแล้วพบว่า ยังมีความต้องการสินค้าทัปเปอร์แวร์ในกลุ่มลูกค้าชั้นกลางบวก ไปถึงสูงอยู่อีกมาก เพียงแต่ยังขาดสถานที่ในการซื้อ เนื่องจากระบบทัปเปอร์แวร์ทั้งหมดเป็นระบบขายตรง

ดังนั้น กลยุทธ์ที่สุวิทย์นำมาปรับจุดอ่อนก็คือ ให้สินค้าง่ายต่อการซื้อหามากที่สุด โดยจะมี KIOS ของทัปเปอร์แวร์เองตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อง่ายในการซื้อหา นอกจากนั้นจะกระจายศูนย์ทัปเปอร์แวร์ไปตามจังหวัดต่างๆให้ครบ 76 จังหวัด โดยคาดว่าในปีแรกจะเริ่มจัดตั้งศูนย์ทัปเปอร์แวร์ตามหัวเมืองใหญ่ตามภาคต่างๆเป็นการชิมลาง แต่อย่างไรก็ตามจะยังคงระบบการขายตรงไว้เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม

เล็งเข้าตลาดหุ้น

สิ่งที่สุวิทย์มองในการไกลก็คือ การระดมทุนเข้าตลาดหุ้น เพราะปัจจุบัน ฐานการผลิตในเอเชียของทัปเปอร์แวร์อยู่ที่มาเลเซีย การสร้างโรงงานในประเทศจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายบริษัทได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม การตั้งโรงงานในเมืองไทยก็มีปัญหาในเรื่องการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานอเมริกา เพราะครั้งหนึ่ง ทัปเปอร์แวร์ สหรัฐอเมริกาเคยอยากมาตั้งโรงงานผลิตในไทย แต่เกิดปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้า การลงทุนสร้างโรงงานที่ได้มาตรฐานจึงมีความจำเป็น

"อนาคตถ้าได้ยอดอย่างที่คาดไว้ ก็อาจจะพิจารณาเอาบริษัทเข้าในตลาดหุ้น คาดว่าอย่างน้อยทัปเปอร์แวร์จะเข้ามาติด หนึ่ง ใน 3 บริษัทขายตรงที่มียอดขายมากที่สุด"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.