|
"เอสแพ็ค"เจาะตลาดเพิ่มลูกค้าดันปีหน้าโต20%
ผู้จัดการรายวัน(16 พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
เอสแพ็ค โชว์กำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 22.4% รายได้โต 10.4% หลังโรงงานแห่งใหม่เดินเครื่อง 60% เตรียมขยายกำลังผลิตอีก 5% ในไตรมาส 4 มุ่งพัฒนาสินค้า-หาตลาดเพิ่ม-ลดต้นทุน หวังดันตัวเลขกำไรหลังยอดขายเพิ่มขึ้น คาดการณ์ปีหน้าอัตราการเติบโต 20%
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอส.แพ็ค พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษประเภทกล่องกระดาษลูกฟูก และรับจ้างพิมพ์หนังสือ เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ถึงผลประกอบการของบริษัท ในไตรมาส 3 ปี 2548 ที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 บริษัทมีกำไรสุทธิ 25.38 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาซึ่งกำไรสุทธิ 20.73 ล้านบาท สูงขึ้น 4.65 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 22.43% มาจากปัจจัยสำคัญหลายประการ คือ รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 23.51 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.41% ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทย่อยได้เริ่มผลิตกระดาษลูกฟูกเอง ทำให้บริษัทสามารถขยายฐานการค้าไปยังธุรกิจต่าง ๆ ได้มากขึ้น
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 8.95 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.45% เป็นผลจากการบริหารจัดการด้านต้นทุนวัตถุดิบที่ดี ด้วยการชำระวัตถุดิบเป็นเงินสด ทำให้สามารถซื้อได้ในราคาที่มีส่วนลดและบริษัทย่อยได้เริ่มผลิตกระดาษลูกฟูกเอง ส่วนรายได้อื่น ๆ เพิ่มขึ้น 1.05 ล้านบาท หรือคิดเป็น 52.99% เป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และอื่น ๆ
"ยอดขายเราเพิ่มขึ้น จากจำนวนลูกค้าเราเพิ่มขึ้น ชนิดสินค้าเพิ่มขึ้น หลังจากโรงงานแห่งใหม่เริ่มเดินเครื่อง 60% ของกำลังผลิต ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องกระดาษลูกฟูก โรงงานใหม่นี้เริ่มเดินเครื่องในลักษณะเทสรันมาตั้งแต่เดือนมี.ค. ถึง มิ.ย. และมาเริ่มผลิตเพื่อพาณิชย์ในเดือนก.ค. ส.ค.และก.ย.ที่ผ่านมา"
นายยุทธ กล่าวต่อว่า บริษัทยังจะพยายามปรับปรุงคุณภาพสินค้าต่อไปให้ทันสมัย เพื่อให้ทำกำไรได้เพิ่มขึ้น และคุ้มค่าใช้จ่าย นอกจากนี้จะสร้างตลาดเพื่อเพิ่มลูกค้า โดยจะเพิ่มกำลังผลิตซึ่งในไตรมาสสี่น่าจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีกประมาณ 5% เป็น 65% ได้
นอกจากนี้ การส่งออกในไตรมาส 3 ที่ดีขึ้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมที่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์ได้รับผลดีไปด้วย โดยในไตรมาส 4 คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 10% และคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 20% ได้จากการควบคุมต้นทุนรวมถึงพยายามหาลูกค้าเพิ่ม
สำหรับปีหน้ามองว่า ตลาดบรรจุภัณฑ์ยังเติบโตได้เรื่อย ๆ โดยคาดว่าปี 2549 บริษัทน่าจะเติบโตได้ดีกว่าปี 2548 โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของบริษัทในปีหน้าจะโตได้ 20% ในขณะที่อุสาหกรรมส่งออกที่เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์จะเติบโต 7-8%
อนึ่ง ฐานะทางการเงินของบริษัทในไตรมาส3/48 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 972.5 ล้านบาท ขณะที่ปี 47 อยู่ที่ 925.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% ด้านหนี้สินรวมในไตรมาส3/448 อยู่ที่ 244.5 ล้านบาท ขณะที่ปี 47 อยูที่ 218.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% ส่วนของผู้ถือหุ้นในไตรมาส3/48 อยู่ที่ 728 ล้านบาท ขณะที่ปี 47 อยู่ที่ 707.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9%
ทั้งนี้รายได้จากการขายและบริการในไตรมาส3/48 อยู่ที่ 249.3 ล้านบาท ขณะที่ปี 47 อยู่ที่ 225.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% เนื่องจากโรงงานลูกฟูกแห่งใหม่เริ่มมีลูกค้าและคาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อไป กำไรสุทธิในไตรมาส3/48 อยู่ที่ 25.4 ล้านบาท ขณะที่ปี 47 อยู่ที่ 20.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.4% จากต้นทุนที่ลดลงเพราะการผลิตกระดาษลูกฟูกเองที่กรุงเทพและจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นกำไรต่อหุ้นในไตรมาส3/48 อยู่ที่ 0.11 บาทต่อหุ้น ขณะที่ปี 47 อยู่ที่ 0.37 บาทต่อหุ้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|