แม็ทชิ่งฯบุก“จีน-ชวา”ผุดบ.ร่วมทุนลุยงานโฆษณา-เบรกสร้างหนังในไทย


ผู้จัดการรายวัน(16 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

แม็ทชิ่งปรับเข็มทิศบุกปีหน้า โฟกัสธุรกิจแคชคาว ลุยหนัก หนังโฆษณา รายการทีวี สื่อ โกอินเตอร์ประเดิม จีนและอินโดนีเซีย ผุดบริษัทร่วมทุนลุยงานโฆษณา เล็งต่อที่เวียดนามและไต้หวัน ติดเบรกธุรกิจผลิตหนังในไทยหันร่วมทุนตปท. ส่วนมูฟวี่ทาวน์ ยันยังไม่เลิก

นายสมศักดิ์ ชีวสุทธานนท์ กรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แม็ทชิ่ง สตูดิโอ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯมีนโยบายที่จะดำเนินธุรกิจเน้นหนักในส่วนที่เป็นแคชคาว (Cash Cow) โดยเฉพาะธุรกิจการผลิตภาพยนตร์โฆษณา รายการทีวี และสื่อต่างๆ ส่วนธุรกิจที่จะชะลอคือ การผลิตหนังไทยฉายในประเทศ การลงทุนทำมูฟวี่ทาวน์ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้หมายความว่าเลิกธุรกิจนี้เพียงแต่ต้องรอจังหวะเท่านั้น

“ยอมรับว่าปีนี้ ภาวะของเราไม่ค่อยดี เพราะไปเจอปัญหาขาดทุนเรื่อง กาดจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สที่ขาดทุน แต่ปีนี้เราได้จัดระบบภายในองค์กรใหม่ คิดว่าเรียบร้อยแล้ว และปีหน้าพร้อมที่จะบุกหนักได้อีกครั้ง”

ทั้งนี้ธุรกิจที่จะบุกหนักคือ ภาพยนตร์โฆษณาซึ่งเป็นธงนำรายได้ของบริษัทฯนั้น ในปีหน้าจะขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มที่จะร่วมทุนใน 2 ประเทศ คือ จีนกับอินโดนีเซีย คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายในไตรมาสแรกปีหน้า ซึ่งแต่เดิมบริษัทฯมีสำนักงานตัวแทนอยู่แล้วที่เซี่ยงไฮ้ แต่ครั้งนี้จะลงทุนด้วยการตั้งบริษัทขึ้นมาดำเนินการเอง หลังจากนั้นมีแผนที่จะขยายไปยังประเทศเวียดนามกับไต้หวันต่อไป

“เราจะเข้าตลาดจีนเพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ และใน 3 ปีข้างหน้า จีนจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิค ซึ่งเวลานั้นจะมีงานมากมาย เราเข้าไปตอนนี้ก็เป็นการเตรียมพร้อมสร้างรากฐานไว้ก่อน อีกทั้งเทรนด์ของอุตสาหกรรมโฆษณาโลกจะมาโฟกัสที่ตลาดเอเชียมากขึ้น”

ปัจจุบันจีนมีเม็ดเงินโฆษณาสูงสุดเป็นอันดับที่สองรองจากอเมริกา มีหนังเฉลี่ยกว่า 4,000 เรื่องต่อปี และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างมากเฉลี่ย 100% ทุกปี เพราะมีประชากรมาก เช่นเดียวกับในอินโดนีเซียที่มีการเติบโตของอุตสาหกรรมโฆษณาอย่างน่าสนใจ มีหนังโฆษณาเฉลี่ยปีละ 3,000 เรื่อง นอกจากนั้นจะขยายธุรกิจในส่วนของบริษัท เกียร์เฮดจำกัด ที่ทำเกี่ยวกับให้เช่าอุปกรณ์การผลิตในอินโดนีเซียอีกด้วย ขณะที่อุตสาหกรรมโฆษณาในไทยก็ยังคงมีการเติบโตแต่ไม่มากนัก มูลค่าก็คงไม่หนี 80,000 กว่าล้านบาทไปมากกว่านี้แล้ว

สำหรับธุรกิจบริษัท กู้ดดี้ ฟิล์ม จำกัดในประเทศญี่ปุ่นที่กลุ่มแม็ทชิ่งถือหุ้น 60% และพันธมิตรญี่ปุ่นถือหุ้น 40% นั้น ธุรกิจไปได้ดี มีรายได้ประมาณ 100 กว่าล้านบาทต่อปี

นอกจากนั้นธุรกิจสื่อก็จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการขยายตัว ล่าสุด ได้ขยายสื่อชีสมีเดียแมกกาซีนสู่ชีสสตูดิโอ โดยลงทุนกว่า 30 ล้านบาท ผลิตสตูดิโอที่สยามเซ็นเตอร์ ซึ่งจะเป็นสตูดิโอแนวใหม่ในไทยที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ นอกจากนั้นแล้วยังจะร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มมอร์นิ่งมูซูเม่ ที่เป็นธุรกิจเดียวกันและมีดาต้าเบสกว่า 1 แสนคน ขณะที่เรามีฐานดาต้าเบสกว่า 80,000 คน ในการต่อยอดธุรกิจ โดยจะมีสื่อ แชนแนลวีและเอ็มทีวีเป็นสื่อที่คอยช่วยโปรโมทให้

โดยรายได้ของชีสสตูดิโอนี้จะมาจาก รายได้การถ่ายในสตูดิโอ 40% รายได้จากบีโลว์เดอะไลน์ 30% และอื่นๆ 30%
ส่วนธุรกิจผลิตภาพยนตร์นั้น จะปรับกลยุทธ์โดยหันไปลงทุนร่วมกับผู้ผลิตต่างประเทศมากขึ้น ในการผลิตหนังเพื่อป้อนตลาดไทยและตลาดต่างประเทศ หลังจากที่ภาพยนตร์ 2 เรื่องแรกไม่ประสบความสำเร็จคือ ซีอุย และ ก็เคยสัญญา ทั้งนี้ เรื่องใหม่ได้ลงทุนร่วมกับยูนิเวสท์ฮ่องกง สร้างหนังเรื่อง รีไซเคิล ฉายในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้สามารถทำรายได้จากการขายสิทธิ์กว่า 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.