|
ศาลสั่งระงับขายหุ้นกฟผ.
ผู้จัดการรายวัน(16 พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ศาลปกครองสูงสุดหักหน้ารัฐบาลทักษิณสั่งระงับการขายหุ้นกฟผ. ระบุไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน-เศรษฐกิจ ชี้หากปล่อยให้มีการขายหุ้นและศาลคำสั่งเพิกถอนพ.ร.ฎ.2 ฉบับอาจก่อให้เกิดความเสียหายจนเยียวยาไม่ได้ ด้านภาคปชช. น้ำตาคลอความเป็นธรรมยังมีในสังคม เตรียมเดินหน้าสอบแปรรูปปตท. ต่อ ด้าน “ทนง-วิเศษ” ยอมรับผิดคาดแต่ต้องทำตามคำสั่งศาล ยันเศรษฐกิจกระทบหนักแน่ ร่อนแถลงการณ์ระบุคำสั่งไม่ใช่คำพิพากษา หวังขายหุ้นได้ต่อ ส่วน “ทักษิณ” ยังห่วงประชาสัมพันธ์กลัวขายหุ้นไม่ได้
วานนี้ (15พ.ย.) นายจรัญ หัตถกรรม ตุลาการหัวหน้าองค์คณะในศาลปกครองสูงสุดได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด กรณีการขอระงับการกระจายหุ้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ให้กับประชาชนทั่วไปในวันที่ 16-17 พ.ย. ตามคำร้องขอ ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและพวกรวม 11คน ที่ได้ยื่นฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพวกรวม 5 คนต่อศาลปกครองสูงสุด ฐานกระทำการโดยมิชอบ โดยขอให้เพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบริษัทการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จำกัด (มหาชน) (กฟผ.) พ.ศ.2548 และพระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
โดยระบุว่า ศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาคำขอกำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาแล้ว โดยในคำขอที่ให้ศาลมีคำทุเลาการบังคับตามพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ์และประโยชน์ ของบริษัทการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จำกัด (มหาชน) (กฟผ.) พ.ศ.2548 และพระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนั้น เห็นว่า การพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวเป็นประเด็นหลักแห่งคดี ที่ศาลจะต้องพิจารณาพิพากษา
อีกทั้งมีขั้นตอนที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการต่อไปตามพระราษกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ หากให้ระงับการบังคับใช้ พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะทำให้เกิดปัญหาในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และเกิดปัญหาแก่การบริหารงานของบริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) ดังนั้นจึงเห็นว่า ยังไม่สมควรที่จะสั่งทุเลาการบังคับใช้ พระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
ส่วนคำขอที่ให้ระงับการดำเนินการต่างๆเกี่ยวกับการขายหุ้นของบริษัท กฟผ.จำกัด(มหาชน)ไว้ก่อนเห็นว่าคดีนี้มีมูล มีเหตุที่ศาลจะรับคดีไว้พิจารณาและบริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) กำลังดำเนินการเพื่อเสนอขายหุ้นให้แก่เอกชน โดยกำหนดให้ประชาชนจองซื้อหุ้นในวันที่ 16-17 พ.ย. หากให้มีการดำเนินการดังกล่าว และในภายหลังศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับ ยอมทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างแก่ประชาชนที่จองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก และยังมีผลกระทบต่อบุคคล หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการดังกล่าวด้วย ซึ่งการให้ระงับการดำเนินการเพื่อเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินการบริการสาธารณะของ บริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) เพราะแม้ไม่มีการเสนอขาย หรือขายหุ้นให้กับประชาชนในขณะนี้ บริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) ก็ยังคงดำเนินการบริการสาธารณะต่อไปได้
**คำอ้างวิเศษฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่นายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน อ้างว่าหากไม่ให้มีการกระจายหุ้นจะมีผลกระทบต่อนโยบายของรัฐบาลนั้น เห็นว่าการให้ระงับการเสนอขาย หรือขายหุ้นไม่ได้มีผลกระทบต่อนโยบายของรัฐบาลในการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแต่อย่างใด และที่อ้างว่าการระงับการเสนอขาย หรือการขายหุ้นจะทำให้บริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) ขาดเงินทุนที่จะขยายการให้บริการแก่ประชาชนนั้นไม่ปรากฏว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนหรือเป็นเรื่องที่กระทบต่อการจัดทำบริการสาธารณะแต่อย่างใด
สำหรับที่อ้างว่าหากระงับการเสนอขาย หรือการขายหุ้นจะก่อให้เกิดความไม่น่าเชื่อถือจากผู้ที่จะลงทุนซื้อหุ้น เห็นว่าการระงับการเสนอขาย หรือการดำเนินการใดๆ เพื่อขายหุ้นเกิดจากการที่ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาไม่ใช่เกิดจากการดำเนินกิจการ ของบริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) จึงไม่น่าจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ดังนั้นในชั้นนี้สมควรที่จะมีคำสั่งระงับและมีคำสั่งห้ามรมว.พลังงาน รมว.คลัง และบริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) เสนอขายหรือดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการขายหุ้นของบริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน) ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา (อ่านรายละเอียดคำสั่งศาล)
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนการอ่านคำสั่งดังกล่าว กลุ่มผู้ที่คัดค้านการแปรรูป กฟผ.กว่า 50 คนได้เดินทางมาชุมนุม บริเวณหน้าศาลปกครองและได้มีการแจกใบปลิวเชิญชวนประชาชนที่บริเวณถนนสาทร ให้รวมคัดค้านพร้อมแสดงความคิดเห็นผ่านไปรษณียบัตรที่จะนำส่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก
ขณะเดียวกัน บริเวณหน้าห้องการพิจารณาคดีก็ได้รับความสนใจจากทั้งตัวแทนองค์กรภาคประชาชน สสร. ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ประชาชน และสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ เข้ารับฟังคำสั่งของศาลปกครอง
**ภาคประชาชนน้ำตาคลอ
รายงานข่าวแจ้งว่า ทันทีมีนายจรัญอ่านคำสั่งจบ ทั้งน.ส.รสนา โตสิตระกูล น.ส.สาลี อ่องสมหวัง น.ส.สายรุ้ ทองปลอน ตัวแทนของผู้ฟ้องคดีและประชาชนที่คัดค้าน ที่ได้เข้าร่วมฟังต่างยกมือกราบขอบคุณศาลปกครองสูงสุด ขณะที่ประชาชนที่รับฟังอยู่ภายนอกห้องการพิจารณาก็ได้ส่งเสียงไชโยโฮร้องกึกก้อง และเมื่อน.ส.รสนา และพวกออกมาพบกับกลุ่มที่มาสนับสนุนก็ถึงกลับน้ำตาคลอเบ้า และร่วมกันแสดงความยินดีกับคำสั่งที่ออกมา โดยทั้งหมดได้ลงมาบอกกล่าวกับผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณหน้าศาลปกครอง ซึ่งต่างโฮร้องแสดงความยินดีและตะโกนว่า “หยุดขายสมบัติชาติ หยุดขายทรัพย์สินประชาชน”
โดยน.ส.รสนา กล่าวว่า ในฐานะองค์กรภาคประชาชนขอขอบคุณศาลปกครองสูงสุด ที่มีคำสั่งระงับการขายหุ้นโดยคำนึงถึงประโยชน์และรักษาประโยชน์ของประชาชน สมกับที่ท่านบอกว่าทำงานภายใต้พระบรมาภิไธย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้ยังขอให้ตระหนักว่าคำสั่งของศาลวันนี้ถือเป็นความหวังของประชาชน ซึ่งเครือขายยืนยันที่จะไม่หยุดเคลื่อนไหว จะดำเนินการตรวจสอบการแปรรูปการปิโตรเลี่ยมแห่งประเทศไทย (ปตท. )ที่ก่อนการกระจายหุ้นในหนังสือชี้ชวนซื้อหุ้นปตท.ระบุว่า เมื่อมีการแปรรูปแล้วจะมีการแยกกิจการท่อก๊าซออกจากกิจการทั่วไปของปตท. และมีการจัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาตรวจสอบ แต่จนมาถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการตามที่กล่าวอ้างก็จะศึกษาข้อกฎหมายว่าการไม่ดำเนินการตามสัญญาที่ให้ไว้ จะสามารถดำเนินการฟ้องร้องได้หรือไม่
“วันนี้เรารู้สึกว่ามีความเป็นธรรมในสังคมไทย เมื่อศาลมีคำสั่งออกมาเท่ากับว่าวันนี้เราได้มีโอกาสเอาความจริง ขึ้นมาอยู่บนโต๊ะไม่ใช่ความจริงข้างถนนอย่างที่รัฐกล่าวหา และความจริงนี้ก็สามารถทำให้รัฐต้องหยุดยั้งการดำเนินการที่ไม่ถูกต้อง” น.ส.รสนา กล่าว
นายเพียร ยงหนู ประธานเครือข่ายไฟฟ้า-ประปา เพื่อชาติและประชาชน กล่าวว่า คำสั่งในวันนี้ถือเป็นการฉีกหน้านายกรัฐมนตรี ชนิดใส่ทิงเจอร์ก็ยังไม่หาย เชื่อว่าผลของคำสั่งจะไม่ทำให้พนักงานการไฟฟ้า ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นไปโกธรพวกที่คัดค้านมากขึ้น
**ต่างชาติยิ่งเชื่อมั่น
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า คำสั่งศาลครั้งนี้ไม่ส่งผลต่อการลงทุนและความน่าเชื่อถือของนักลงทุนต่างชาติแน่นอนแต่ในทางตรงกันข้ามจะยิ่งทำให้ต่างชาติมีความมั่นใจและเชื่อมั่นมากขึ้นว่าสังคมไทยมีระบบถ่วงดุลตรวจสอบที่น่าเชื่อถือขึ้นมาบ้าง ดีกว่าปล่อยให้เอา กฟผ.เข้ากระจายหุ้นในขณะที่กลุ่มทุนขาประจำในตลาดหลักทรัพย์ที่อิงอำนาจการเมืองมีอิทธิพลเหนือตลาดหุ้นและใช้ข้อมูลอินไซด์แทรกแซงชี้นำหรือปั่นหุ้นได้ตลอดเวลา และหลังจากนี้องค์กรภาคประชาชนก็คงต้องไปเตรียมข้อมูลข้อเท็จนิงเพิ่มเติมเพื่อให้การต่อศาลตามขั้นตอนการไต่สวนปกติต่อไป
นพ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณการตัดสินใจของศาลปกครองที่มองมิติในแง่รัฐศาสตร์มากกว่านิติศาสตร์ โดยเข้าใจประชาชน อย่างไรก็ตามเครือข่ายคัดค้านการขายสมบัติชาติจะยังคงมีแนวทางการรวมตัวกันที่สนามหลวงวันที่ 18 พ.ย.นี้เพื่อแสดงพลังคัดค้านการนำรัฐวิสาหกิจที่เป็นระบบสาธารณูปโภคแปรรูป
**แฉ พ.ร.ก.ให้อำนาจเอกชนล้นฟ้า
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน แถลงว่า วิปฝ่ายค้านมีการหารือเรื่องการแปรรูปกฟผ. ซึ่งประชาชนยังมีข้อกังวลและความห่วงใยอยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีการวินิจฉัยแล้ว แต่ไม่ถือเป็นข้อยุติ เพราะยังมีอีกหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูปโดยที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจของศาลปกครอง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการขัดรธน.ซึ่งจากการตรวจสอบของวิปฝ่ายค้านพบประเด็นสุ่มเสี่ยงต่อการขัดรธน.เพราะรัฐบาลได้อาศัยอำนาจ พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจออกพระราชกฤษฎีกาขึ้นมา 2 ฉบับ โดยเฉพาะพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจสิทธิและประโยชน์ของบริษัทกฟผ.จำกัด (มหาชน) มาตรา 5 มาตรา 7 และมาตรา 8 ที่อาศัยอำนาจตามพ.ร.ก.นี้ตั้งคณะกรรมการกิจการผลิตไฟฟ้าโดยผ่านมติครม.ลงนามโดยสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่มีกฎหมายรองรับ
นายสาทิตย์ กล่าวว่า พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว เป็นการให้อำนาจคณะกรรมการกิจการไฟฟ้ามากเกินไป เช่น การรื้อถอน เดินสายไฟ สำรวจ สร้างและบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า โรงไฟฟ้า เขื่อนกักน้ำ และระบบระบายน้ำ โดยหารือร่วมกับกรมชลประทานในการจัดการบริหารน้ำเหนือเขื่อน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในอนาคตหากเกิดปัญหาภัยแล้ง แต่เกษตรกรต้องการใช้น้ำขณะเดียวกันเมื่อกฟผ.แปรรูปเป็นบริษัทเอกชนย่อมคำนึงถึงผลตอบแทนจากการผลิตไฟฟ้า อาจเกิดปัญหาความขัดแย้งได้ ดังนั้นวิปจึงได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาพรก.ดังกล่าว โดยจะศึกษาให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 30 พ.ย.นี้ ก่อนที่จะส่งให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาเพื่อส่งให้ศาลรธน.วินิจฉัยต่อไป
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ว่าถือเป็นโอกาสสำหรับรัฐบาลในการที่จะทบทวนเรื่องนี้ใหม่ทั้งหมด เป็นการแสดงให้เห็นว่าการผลีผลามกระจายหุ้นกฟผ.ภายใต้อำนาจการผูกขาดหรือการยกอำนาจของรัฐไปให้บริษัทกฟผ.เป็นเรื่องที่มีปัญหา ขณะที่เหตุผลเดิมที่รัฐบาลอ้างว่าต้องทำตามกำหนด เพราะเกรงจะกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่วันนี้ทุกคนต้องปฏิบัติตามศาลปกครอง จึงไม่มีข้ออ้างนี้อีกต่อไป
** วิเศษยังยืนยันศก.เสียหาย
นายวิเศษ จูภิบาล รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมครม.ว่า ได้ให้กฟผ.หยุดขายหุ้นเป็นการชั่วคราวไปก่อน เรื่องนี้ต้องทำให้ชัดเจนเพราะส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจมากทีเดียว หากศาลสั่งระงับการขายหุ้นไปเลยยิ่งจะหนัก
สำหรับการชี้แจงประชาชน นายวิเศษ กล่าวว่า ต้องชี้แจงว่ามีเหตุผลอย่างไรถึงต้องแปรรูป บางทีข่าวออกไปคลาดเคลื่อน อาทิว่า การแปรรูปคือการขายสมบัติชาติซึ่งที่จริงเป็นการระดมทุนเท่านั้นหรือมีการพูดว่าจะเอาเขื่อนต่างๆไปขาย ซึ่งที่จริงในกระบวนการคือการโอนเขื่อน มาเป็นของกระทรวงการคลัง จากนั้นคลังอาจให้.กฟผ. มาเช่าเพื่อไปผลิตไฟฟ้า
นายวิเศษกล่าวว่า สำหรับการทำประชาพิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องการแปรรูป กฟผ.หรือไม่นั้นคงไม่จำเป็นเพราะ พรฎ.ที่ออกมามีขั้นตอนครบถ้วน อีกทั้งการทำประชาพิจารณ์ก็เคยทำมาแล้ว ช่วงนี้คงต้องรอคำสั่งศาลปกครองหากพิจารณามาอย่างไรคงต้องปฏิบัติตาม
แหล่งข่าวในที่ ประชุม ครม. เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้สอบถาม รมว.พลังงาน ในที่ประชุมก่อนที่ศาลปกครองจะมีคำสั่งให้ระงับการขายหุ้น กฟผ.ชั่วคราวว่าเรื่องการแปรรูป กฟผ.มีปัญหาอย่างไรบ้าง ซึ่ง รมว.พลังงานชี้แจงว่าขณะนี้กำลังรอคำวินิจฉัยของศาลปกครองอยู่ ขณะที่นายกรัฐมนตรี กำชับว่าเรื่องการกระจายหุ้น กฟผ. อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ให้ดี โดยเฉพาะเรื่องของความเสี่ยง
**ขุนคลังยอมรับผิดคาด
นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ต้องขอดูรายละเอียดของคำสั่งศาลก่อน ว่า กฟผ.มีลักษณะพิเศษอย่างไรที่เป็นปัญหาให้ไม่สามารถกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ เพราะที่ผ่านมารัฐวิสาหกิจอื่น เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังไม่ขอยืนยันเรื่องการผลักดันบมจ.กฟผ.เข้าตลาดฯ ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ อาจจะต้องมีการนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.)
ทั้งนี้ ยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะที่ผ่านมาได้มีการเดินทางโรดโชว์ทั้งในและต่างประเทศแล้ว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดูรายละเอียดของคำสั่งว่าศาลมีเหตุผลอย่างไรบ้างในการระงับการขายหุ้น เพื่อหาคำอธิบายให้นักลงทุนได้เข้าใจ
“ที่ผ่านมาเรายังไม่เคยคิดว่าจะทำอย่างไรหากศาลมีคำสั่งเช่นนี้ เพราะรมว.พลังงาน บอกว่ามั่นใจ แต่ผลที่ออกมาผิดคาดเราก็ต้องกลับมาดูว่าลึกๆแล้วกฟผ.มีอะไรที่เป็นปัญหาทำให้ไม่สามารถกระจายหุ้นได้”
วันเดียวกัน กระทรวงการคลังและพลังงานได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน เรื่องการระงับกระจายหุ้นของ กฟผ. โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ยืนยันความชอบธรรมในการแปรรูปกผฟ.เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณที่แถลงต่อรัฐสภาและคำสั่งศาลปกครองเป็นเพียงการระงับการเสนอขายชั่วคราวในระหว่างที่ศาลพิจารณาคำฟ้องเท่านั้น ยังไม่ได้มีคำพิพากษาและส่งผลต่อการจัดตั้งบมจ.กฟผ. ซึ่งบริษัทฯยังดำเนินกิจการต่อไปได้ ทั้งนี้หากภายหลังศาลมีคำสั่งยกคำฟ้องหรือมีคำพิพากษาที่เป็นคุณต่อกฟผ.กระทรวงการคลังและพลังงานจะดำเนินการเพื่อเสนอขายหุ้นในระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป
**วิษณุชี้ศาลยังไม่ได้ตัดสิน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อศาลปกครองสั่งไม่ให้ขาย ก็ต้องไม่ขาย ก็เท่านั้นเอง ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะใช้เวลากี่วัน และ จะระงับคำสั่งศาลไม่ได้
“วันนี้ศาลไม่ได้ตัดสิน เอาเฉพาะประเด็น ว่าจะคุ้มครองฉุกเฉินชั่วคราวหรือไม่ แปลว่า สมควรหยุดไม่ให้มีการซื้อขาย และจะวินิจฉัยในเนื้อหาในตัวพระราชกฤษฎีกาอีกครั้ง เมื่อไหร่จะตัดสินนั้นศาลยังไม่ได้นัด จะเป็นอย่างไรนั้นไม่ทราบ ”
**ที่ปรึกษาการเงินระบุน่าเศร้า
มล.ชโยทิต กฤษดากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ที่ปรึกษาทางการเงินในการกระจายหุ้นกฟผ. กล่าวว่า ได้ทำตามกฏหมายทุกอย่างแล้วหลังจากนี้คงจะต้องแจ้งไปยังตลาดฯในการขอระงับการกระจายหุ้นกฟผ.ที่กำหนดไว้วันที่ 30 พ.ย.ออกไปก่อน ส่วนการโรดโชว์ในต่างประเทศเหลือเพียงที่สหรัฐอเมริกาอย่างเดียวแต่ก็ต้องไปโรดโชว์เพื่อชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้น
“เป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับประเทศไทย เพราะการระดมทุนครั้งนี้เพื่อพัฒนากิจการไฟฟ้าของประเทศ หลังจากนี้ช่วง 6- 12 เดือนก็จะต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นคงไม่ขอพูด” มล.ชโยทิตกล่าว
นายพิชัย จุลพงศธร รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริหาร บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทุกอย่างที่ดำเนินการไปก็ถือว่าสิ้นสุด ส่วนจะอุทธรณ์หรือไม่นั้นคงจะต้องดูกันต่อไป เพราะการฟ้องขององค์กรนอกภาครัฐครั้งนี้ไม่ใช่ฟ้อง กฟผ. แต่เป็นการฟ้องตัวบุคคลคือนายกรัฐมนตรี รมว.พลังงาน และคณะรัฐมนตรี
นายประสงค์ วินัยแพทย์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า การที่ก.ล.ต.อนุมัติให้กฟผ.สามารถกระจายหุ้นได้ เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ โดยในทางปฏิบัติทั่วไปการอนุญาตให้บริษัทเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปมีระยะเวลา 6 เดือนแต่สามารถขอขยายเวลาได้อีก 6 เดือน และในกรณีที่บริษัทมีการกำหนดวันจองซื้อที่แน่นอนแล้วหากมีการเลื่อนบริษัทจะต้องแจ้งให้ก.ล.ต.ทราบ และเมื่อจะเปิดจองซื้อหุ้นในครั้งต่อไปก็จะต้องปรับข้อมูลในแบบไฟลิ่งให้เป็นปัจจุบันก่อน
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การระงับการกระจายหุ้น กฟผ.ส่งผลบรรยากาศด้านการลงทุนอย่างมาก ซึ่งหากกฟผ.เข้าจดทะเบียนนตลาดหลักทรัพย์ฯไม่เพียงเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแค็ปมากเท่านั้น แต่ภาพลักษณ์โดยรวมของบริษัทยังมีความน่าสนใจอย่างมาก
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส กล่าวว่า การระงับการกระจายหุ้น กฟผ.ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของการระงับหุ้นรัฐวิสาหกิจ ของศาลปกครอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นกรณีศึกษา ว่าเงื่อนไขอะไรที่จะสามารถให้ดำเนินการเข้าตลท.ได้และเงื่อนไขอะไรที่ทำให้ถูกระงับ และหากยังไม่มีความชัดเจนของกฟผ. ก็จะส่งผลกระทบให้กับรัฐวิหากิจอื่นๆที่เตรียมตัวจะเข้าตลท.
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|