วายุภักษ์1ไตรมาส3กำไร5.7พันล้าน คาดจ่ายปันผลผู้ถือหน่วยปีนี้5.5-6%


ผู้จัดการรายวัน(15 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

กองทุนรวมวายุภักษ์ ประกาศผลดำเนินงาน ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 48 มีกำไรสุทธิกว่า 5.7 พันล้านบาท คาดทั้งปีจ่ายปันผลได้ 5.5-6% ขณะที่แผนลงทุนปีหน้าเน้นปรับกลยุทธ์สร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นใกล้เคียงผลตอบแทนตลาด เตรียมกันเงินลงทุน กฟผ. และประชุมนำเงินลงทุนในทีพีไอ 16 พ.ย.นี้

นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ในฐานะกรรมการ กำกับการดำเนินงานของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการฯ ที่มีนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้รายงานผลการดำเนินงานของ กองทุนวายุภักษ์ 1 ประจำไตรมาส 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 หรือสิ้นไตรมาส 3 ของปี 2548 ว่ามีกำไรสุทธิ 5,722 ล้านบาท เป็นกำไรที่เกิดจากการลงทุนและรับรู้รายได้ 86 ล้านบาท และกำไรที่ยังไม่รับรู้รายได้ 954 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสะสมตั้งแต่เริ่มดำเนินการทั้งสิ้น 21,500 ล้านบาท และมีเงินสำรองเงินปันผล 14,700 ล้านบาท

ทั้งนี้ กองทุนฯมีอัตราผลตอบแทน ณ สิ้นไตรมาส 3 ประมาณกว่า 5% ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอัตรา 5.5-6% โดยที่ผ่านมา ได้มีการจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 1 งวด ในอัตรา 2.5%

นางพรรณีกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 จะต้องมีการปรับกลยุทธ์ในการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นให้กับผู้ลงทุน เพราะแม้ว่ากองทุนฯจะมีการกำหนดอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำไว้ในหนังสือชี้ชวนไว้ไม่ต่ำกว่า 3% ต่อไป แต่ภาวการณ์ลงทุนในปัจจุบัน มีแนวโน้มที่ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนสูงขึ้น ดังนั้นกองทุนฯต้องพยายามทำให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนในตลาด
"ตอนนี้แม้ว่าจะสูงกว่าผลตอบแทนขั้นต่ำที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน แต่ก็ยังต่ำกว่าผลตอบแทนในตลาดเล็กน้อย ดังนั้นกองทุนต้องทำงานหนักมากขึ้น โดยไม่ใช่แค่บริหารให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 3% เท่านั้น แต่ต้องบริหารในส่วนของผลตอบแทนขั้นสูงด้วย"

นางพรรณีกล่าวว่า กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 มีเกณฑ์ในการลงทุน เช่น การซื้อขายหุ้นก็จะมีเกณฑ์ว่าจะซื้อหรือขายหุ้นตัวใดได้บ้าง ซึ่งในส่วนของหุ้นที่กองทุนฯ ซื้อจากกระทรวงการคลังนั้น หากจะขายกองทุนต้องขายคืนใกล้กับกระทรวง การคลังก่อน อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวก็ยังมองว่าหุ้นเหล่านี้ยัง ถือเป็นหุ้นพื้นฐานดีที่จะถือไว้ในระยะยาว

สำหรับหุ้นบริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) ที่เตรียมกระจายหุ้นในตลาดนั้น เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกำกับการลงทุนชุดที่มี นายโอฬาร ไชยประวัติ ที่ปรึกษากระทรวงการคลังเป็นประธาน ทำหน้าที่ในการพิจารณากันเงินไว้ซื้อหุ้นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับ กฟผ.ว่าจะจัดสรรหุ้นให้กับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยอย่างไร

ส่วนการนำเงินเข้าไปลงทุนใน บริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมิกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอนั้น ใน วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2548 นี้ คณะกรรมการกำกับการลงทุนฯ จะมี การประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.