|
ยอดขายMGAทะลุ453ล้าน เอ็มเอฟซีขออนุมัติเพิ่มวงเงิน
ผู้จัดการรายวัน(15 พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
กองทุนรวมลงทุนในต่างประเทศฟีเวอร์ บลจ.เอ็มเอฟซีปิดจอง "เอ็มเอฟซี โกลบอล อัลฟ่า ฟันด์" ยอดขายทะลัก 453 ล้านบาท ฉวยโอกาสทองขออนุมัติวงเงินเพิ่ม หลังมีนักลงทุนพลาดจองหน่วยลงทุนหลายราย พร้อมเดินหน้าลุยกองทุน FIF ที่ลงทุนคอมมอดิตี้ ตอบสนองความต้องของผู้ลงทุนที่เริ่มให้ความสนใจมากขึ้น ด้านบลจ.นครหลวงไทย เปิดขาย "กองทุนเปิด แมกซ์ จีเซเว่น ฟิฟ" ลุยตราสารหนี้ในกลุ่มประเทศ G7 วานนี้ (14 พ.ย.) เป็นวันแรก
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากปิดขายหน่วยลงทุนสำหรับ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อัลฟ่า ฟันด์ (MFC Global Alpha Fund) หรือ MGA กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้น หลาม โดยมียอดขายเต็มมูลค่า 400 ล้านบาท และมีหน่วยลงทุนส่วนเกิน (กรีนชู) อีก 53 ล้านบาท ทำให้มียอดขายหน่วยลงทุนรวมทั้งหมด 453 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทจะขอเพิ่มวงเงินสำหรับกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อัลฟ่า ฟันด์ กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อีก 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 400 ล้านบาท ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. อนุญาตหากกองทุนสามารถระดมทุนได้เกิน 75% เพื่อเปิดขายหน่วยลงทุนให้แก่นักลงทุนที่พลาดการจองหน่วยลงทุนดังกล่าว
นายพิชิตกล่าวว่า สาเหตุที่กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อัลฟ่า ฟันด์ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม เชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากความเข้าใจของนักลงทุนไทยในเรื่องของการกระจายความเสี่ยงที่มีมากขึ้น รวมทั้งได้รับการสนับสนุน ที่ดีจากภาครัฐ และประกอบกับการลงทุนหุ้นในประเทศไทยช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวน ทำให้การลงทุนต่างประเทศเป็นทางเลือกใหม่ในการกระจายความเสี่ยงของ นักลงทุนทั่วไปเมื่อเปรียบเทียบระหว่างผลตอบแทนที่ได้มา
"สำหรับความน่าสนใจของตัวกองทุนเอง อยู่ที่การเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นที่ดีที่สุดในโลก โดยมี Smith Barney ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำของโลกเป็นที่ปรึกษากองทุน ทำให้กองทุน ดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือ ส่วนในแง่ผลตอบแทนกับความเสี่ยงของกองทุนถือว่ามีประสิทธิภาพทางการลงทุนค่อนข้างสูง"นายพิชิตกล่าว
ทั้งนี้ หลังจากจดทะเบียนกองทุนดังกล่าวแล้ว บริษัทก็จะนำเงินไปลงทุนทันที โดยในเบื้องต้นได้กำหนดกรอบการลงทุนไว้ประมาณ 5 กองทุน ซึ่งสัดส่วนครึ่งหนึ่ง จะลงทุนในตลาดสหรัฐฯและประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประมาณ 52% ตลาดยุโรป 29% และอีก 19% จะลงทุนในประเทศเกิดใหม่ โดยเฉพาะในแถบละตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก และเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งญี่ปุ่นด้วย
นายพิชิตกล่าวว่า สำหรับวงเงินที่บริษัทจะขออนุมัติเพิ่มอีก 10 ล้านดอลลาร์ สหรัฐนั้น ส่วนหนึ่งจะนำเข้ากองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อัลฟ่า ฟันด์ เพื่อเปิดขายหน่วยลงทุนอีกครั้ง เนื่องจากหลังปิดจองหน่วยลงทุนไปแล้ว พบว่ายังมีนักลงทุนที่ต้องการลงทุนอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งหลังจากเปิดขายหน่วยลงทุนแล้ว ยอดขายไม่เต็มมูลค่าตามที่ขอเพิ่มไปนั้น ส่วนที่เหลือบริษัทก็จะนำมาจัดตั้งเป็นกองทุนต่างประเทศกองใหม่ต่อไป อย่างไรก็ตาม หากกองทุนดังกล่าวได้รับความสนใจและมียอดขายเกิน 75% ก็อาจจะขออนุมัติวงเงิน เพิ่มอีกครั้ง เพื่อนำมาจัดตั้งเป็นกองทุนใหม่อย่างเดียว
โดยกองทุนต่างประเทศกองใหม่นั้น จะเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในสินค้าพื้นฐาน (คอมมอดิตี้) เช่น ทองคำ โลหะมีค่า น้ำมันและสินค้าเกษตร ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการออกแบบกองทุน ทั้งรูปแบบการลงทุน โลเกชัน เพื่อยื่นให้สำนักงาน ก.ล.ต. พิจารณาจัดตั้งกองทุนต่อไป ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนได้ภายในปีนี้ แต่หากไม่ทันก็จะใช้โควตาเงินลงทุนต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) ในปีหน้าแทน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด รายงานว่า บริษัทได้เปิดขายหน่วยลงทุนสำหรับกองทุนเปิด แมกซ์ จีเซเว่น ฟิฟแล้วระหว่างวันที่ 14-23 พฤศจิกายน 2548 ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund) ลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ องค์กรของรัฐ หรือองค์กรกึ่งรัฐ ในประเทศ กลุ่ม G7 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาลี รวมทั้งพันธบัตรรัฐบาลในประเทศไทยด้วย
สำหรับการลงทุนของกองทุนเปิด แมกซ์ จีเซเว่น ฟิฟนั้น กองทุนจะทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน โดยกองทุนจะจ่ายผลตอบแทนโดยการขายคืนหน่วยอัตโนมัติ ไม่น้อยกว่า 4% ต่อปี
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|