|
ยูเนี่ยน โฟรเซนปรับใหญ่รอบ15ปี ดันพรานทะเลลุยอาหารสุนัข-แมว
ผู้จัดการรายวัน(14 พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"ยูเนียน โพรเซ่น" ปรับตัวครั้งใหญ่ในรอบ 15 ปีในการทำแผนลดต้นทุนในองค์กร รับมือการขยายตลาดต่างประเทศและในประเทศแบบเต็มสูบในปี 2549 เผย ปีหน้าพรานทะเลอัดงบลงทุนกว่า 150 ล้านบาทเพิ่มเครื่องจักร ขยายช่องทางขาย และเปิดตัวสินค้าใหม่กว่า 100 รายการ ล่าสุดเตรียมวางขายน้ำผลไม้พรานไพร พ.ย.นี้ แย้มโปรเจกต์ใหม่เล็งลุยตลาดอาหารสัตว์ คาดเปิดตัวช่วงปลายปีนี้ ส่วนตลาดส่งออก ปีจอเล็งเจาะตลาดยุโรป เชื่อตลาดยังมีช่องว่างและมีอัตราโต 30-40%
นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย เจ้าหน้าที่บริหารด้านการตลาดและสายปฏิบัติการ บริษัทพรานทะเล มาร์เกตติ้ง จำกัด ในเครือบริษัทยูเนียน โพรเซ่น โปรดักส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยูเนียนฯเตรียมทำแผนคอสต์รีดักชัน หรือการลดต้นทุนทางการผลิตในด้านต่างๆ ขององค์กร ครั้งใหญ่ในรอบ 15 ปี ไม่ว่าจะเป็น การนำเครื่องจักรเข้ามาใช้ในโรงงานมากขึ้น กระบวนการจัดซื้อและค่าใช้จ่ายในส่วนของบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น ขณะนี้เริ่มดำเนินการได้ 2 เดือนแล้วพบว่าได้ผลดีมาก และบริษัทฯจะทำต่อเนื่องไปจนถึงปี 2550 โดยคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนได้มากถึง 10-20% ซึ่งการทำคอสต์รีดักชันครั้งนี้ก็เพื่อรองรับการขยายตัวไปตลาดต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงพัฒนาตลาดในประเทศควบคู่กันไปด้วย อัดงบลงทุนปีจอ 150 ล้านบาท
นายอนุรัตน์กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2549 ในส่วนตลาดในประเทศไทยว่า บริษัทพรานทะเลฯเตรียมใช้งบลงทุนประมาณ 150 ล้านบาทในการเพิ่มเครื่องจักรใหม่ และขยายช่องทางการขายหรือตู้แช่เพิ่ม ซึ่งปัจจุบันพรานทะเลมีช่องทางขายครอบคลุมเกือบทั้งหมดแล้ว ทั้งไฮเปอร์มาร์เกต, ซูเปอร์มาร์เกต และมินิมาร์ท เหลือแต่คอนวีเนียนสโตร์ที่ยังไม่ได้บุกอย่างจริงจัง โดยแผนปีหน้าจะเน้นเข้าตลาดคอนวีเนียนสโตว์มากขึ้นกว่า 1,000 แห่ง อาทิ แฟมิลี่มาร์ททั้ง 820 สาขา และวี ชอป 800 สาขา เป็นต้น
ส่วนด้านตัวสินค้าของพรานทะเลปีหน้าเตรียมเปิดตัวกว่า 100 รายการในทุกหมวด อาทิ เปิดตัวซาลาเปาในต้นปีหน้าในราคาลูกละ 8-10 บาท, ออกสินค้าพรีเมียม เช่น ข้าวราดปลากรอบ,ข้าวต้ม หรือเปิดตัวซับแบรนด์ใหม่ของพรานทะเลเป็นกลุ่มอาหารหวาน เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับกับการเป็นคอร์ปอเรตแบรนด์ทางด้านอาหารอย่างครบวงจรของพรานทะเล ภายใต้งบสำหรับทำการตลาดปีหน้าที่จะใช้ใกล้เคียงกับปีนี้ คือประมาณ 70 ล้านบาท
หลังจากที่ปีนี้บริษัทฯได้เปิดตัวสินค้าอาหารหลายกลุ่ม อาทิ อาหารทะเลแช่แข็งพร้อมรับประทานทั้งมื้อเช้า กลางวัน เย็น, คุกกี้ซีฟูด 2 รสชาติ, สินค้าแมป (MAP) ที่เหมือนสินค้าสดทั่วไป โดยสามารถนำไปใช้โดยไม่ต้องนำมาละลายก่อน มี 10-15 รายการ ราคา 40-100 บาท และพัฟ 4 รส ได้แก่ ทูน่าน้ำแดง, ทูน่าพะแนง, ทูน่าซอสขาว และทูน่าผงกะหรี่ ในราคา 16 บาท
พรานไพรวางขาย พ.ย.นี้-รุกตลาดเพต ฟู้ด
ล่าสุดบริษัทฯเตรียม วางขายน้ำผลไม้ "พรานไพร" 6 รสชาติ ได้แก่ ลำไย,มะตูม,มะขาม และใบเตย ฯลฯ ในราคา 12 บาท คาดว่าจะออก สู่ตลาดได้ภายในเดือน พ.ย. นี้ โดย จะลงขายผ่านร้านบนบีทีเอสก่อน รวมถึงบริษัทฯเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ " อาหารเพต ฟูดหรืออาหารแช่แข็งสำหรับสุนัขและแมว" ในช่วงปลายปี 2548 นี้ ซึ่งรูปแบบผลิตภัณฑ์จะเป็นแบบโพรเซ่นถุง ราคาประมาณ 35 บาท ทั้งนี้ การที่บริษัทฯรุกตลาดอาหารสำหรับสัตว์เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ตลาดมากขึ้นโดยไม่ได้หวังผลในแง่ยอดขายหรือการเป็นผู้นำตลาด นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวขนมจีบในช่วงสิ้นปีนี้
ด้านร้านอาหารฟูดคอร์ต หรือ ร้านอาหารทะเลตามสั่งของพรานทะเล ปัจจุบันมีเปิดในห้างฯเซ็นทรัลทุกสาขา และมีใน ม.ศรีปทุม ซึ่งเพิ่งเปิดไปเมื่อ อาทิตย์ที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทฯเตรียม เปิดร้านในห้างฯเดอะมอลล์ ทุกสาขา ส่วนรูปแบบฟูดฮอลเตรียมเปิดที่สยามพารากอน
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทพรานทะเลปีนี้คาดว่าจะมียอดรายได้ 600 ล้านบาท ขณะที่ปีหน้าคาดว่าจะมียอดรายได้ 900 ล้านบาท ปี 2550 รายได้ 1,200 ล้านบาท และปี 2551 มียอดรายได้ 1,500 ล้านบาท
รุกตลาดส่งออกเต็มสูบ
แผนการทำตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทยูเนียนฯเตรียมบุกตลาดมากขึ้น เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพของไทยที่ไม่แพ้ใครโดยปัจจุบันอาหาร แช่แข็งไทยติดท็อป 3 ของโลก โดยกลุ่มลูกค้าต่างประเทศที่จะบุกเป็นประเทศแถบยุโรป ซึ่งการเข้าไปในตลาดยุโรปนั้นต้องดูหลายปัจจัยหลาย ด้าน อาทิ สินค้าตัวไหนมีความเหมาะสมกับตลาด, ศึกษาคอนเนก-ชันลูกค้าหรือช่องทางการขาย และเรื่องราคาก็เป็นปัจจัยสิ่งสำคัญ
"การรุกตลาดไปต่างประเทศตัวโปรดักต์ต้องแข็งและภาพลักษณ์สินค้าต้องเตะตาลูกค้า ซึ่งภาพรวมตลาดต่างประเทศค่อนข้างโตคงที่ เนื่องจากโดนกีดกันทางการค้าและเจอ ภาวะคนไทยถอดใจ ขณะที่เราจะพัฒนาควบคู่กันทั้งในและต่างประเทศ ส่วนคู่แข่งที่น่ากลัวของตลาดไทยมอง ว่าเป็นจีน ที่มีจำนวนคนมากและแรงงานถูก แต่ในแง่การตีราคาหรือสร้างมูลค่าเพิ่มจีนยังไม่ค่อยมี ขณะที่คู่แข่งในแง่วัตถุดิบมองว่าอินโดนีเซีย, อินเดีย และเวียดนามน่ากลัว"
สำหรับยอดรายได้ของตลาดต่างประเทศของยูเนียน โพรเซ่นปีหน้า คาดว่าจะมีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท และอีก 5 ปีข้างหน้าจะมียอดรายได้ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท และสินค้าขยายไปทั่วโลก ขณะที่ภาพรวมอาหารแช่แข็ง ในตลาดส่งออกมองว่ายังมีโอกาสอีกมาก และคาดว่าจะมีอัตราการโต 30-40%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|