กิฟฟารีนแตกแบรนด์ WIS เพิ่มยอดขายสมาชิกชาย


ผู้จัดการรายสัปดาห์(10 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

กิฟฟารีนเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ WIS for MEN by Giffarine รับกระแสผู้ชายเจ้าสำอาง ที่ตลาดมีการเติบโตมากขึ้น ประกอบกับสมาชิกนักขายที่เป็นชายมีมากขึ้น

กิฟฟารีนรุกตลาดเครื่องสำอางผู้ชายวัย 25-40 ปีภายใต้แบรนด์ WIS หลังจากพบว่าสินค้าดังกล่าวกำลังได้รับความสนใจจากตลาดมากขึ้น ทั้งนี้ในอดีตกิฟฟารีนได้มีการทำเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายภายใต้แบรนด์หลักก็คือกิฟฟารีนอยู่แล้วซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีพอสมควร ทว่ายังมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่ยังลังเลไม่กล้าใช้เนื่องจากรูปลักษณ์และแพกเกจจิ้งถูกดีไซน์ให้เหมาะกับผู้หญิงมากกว่า แต่ก็ยังมีสินค้าบางประเภทที่ได้รับการยอมรับจากผู้ชาย เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ลบริ้วรอยสำหรับผู้หญิงซึ่งมีริ้วรอยมากกว่าเพศชาย อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่ใช้ในบ้านมากกว่าจะพกติดตัวออกมาใช้นอกบ้าน

"เครื่องสำอางผู้ชายแบรนด์วิส เริ่มมีการทดลองตลาดในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน โดยเหตุผลที่เราออกแบรนด์ใหม่ก็เพราะเราต้องการทำตลาดเครื่องสำอางที่จะจับกลุ่มผู้ชายโดยเฉพาะเนื่องจากเราเห็นว่าตลาดเครื่องสำอางเริ่มเป็นที่ยอมรับและมีการเติบโตที่ดี โดยปัจจุบันเครื่องสำอางผู้ชายมีมูลค่าเพียง 2,000 ล้านบาท มีการเติบโตปีละ 30% ในขณะที่ตลาดเครื่องสำอางผู้หญิงมีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท ประกอบกับสัดส่วนนักขายของกิฟฟารีนที่มียอดสั่งซื้อสม่ำเสมอเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง" นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ กล่าว

ปัจจุบันกิฟฟารีนมีสมาชิกกว่า 3.5 ล้านรหัส แต่ที่เป็นสมาชิก Active คือมียอดสั่งซื้อสม่ำเสมอมี 3 แสนรหัส โดยมีสัดส่วนของนักขายหญิง 45% นักขายชาย 55% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 2 ปีก่อนที่สัดส่วนนักขายชายมีเพียง 35% เท่านั้น ส่วนผู้หญิงมี 65% ทำให้ภาพการเติบโตของสินค้าผู้ชายในธุรกิจขายตรงชัดเจนมากขึ้น

"เหตุผลที่ทำให้นักขายชายเพิ่มขึ้นก็เนื่องมาจากว่าในตอนเริ่มต้นผู้หญิงที่สนใจสินค้าของกิฟฟารีนจะชักชวนแฟนให้เข้ามาเป็นสมาชิกด้วยกัน แต่พอทำไปสักพักเราจะพบว่าผู้ชายสามารถสร้างทีมขายที่แข็งแกร่งกว่าซึ่งอาจเป็นเพราะบุคลิกของผู้ชายที่ทำงานเป็นทีมเวิร์คได้ดีกว่าผู้หญิงทำให้สัดส่วนนักขายที่เป็นผู้ชายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนักขายเหล่านี้ก็มีการรีเควสท์สินค้าสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ซึ่งนอกจากเขาจะใช้เองแล้วยังเป็นไฮไลท์ที่จะช่วยให้นักขายแนะนำสินค้าไปสู่สมาชิกใหม่ที่เป็นผู้ชายได้ง่ายขึ้น เพราะในระบบขายตรงแบบหลายชั้นหรือเอ็มแอลเอ็มจะเป็นการแนะนำสินค้าโดยนักขายเป็นผู้การันตีคุณภาพที่เกิดจากการใช้เองก่อนจะแนะนำไปสู่ผู้อื่นต่อไป ซึ่งถ้าให้ผู้ชายมาขายสินค้าผู้หญิงโดยที่ตัวเองไม่เคยใช้ก็อาจจะลำบาก"

อย่างไรก็ดีภาพของธุรกิจขายตรงในเมืองไทยที่ผ่านมาผู้บริโภคมักติดกับภาพของนักขายที่เป็นผู้หญิง ดังนั้นเพื่อให้บรรดานักขายของกิฟฟารีนสามารถขยายฐานสมาชิกที่เป็นผู้ชายได้มากขึ้นกิฟฟารีนจึงมีการทำโฆษณาชุด FATHER ซึ่งเป็นเนื้อหาของผู้นำครอบครัวที่ประสบกับวิกฤติจนไม่เหลืออะไร จึงหันมาทำธุรกิจกับกิฟฟารีน จากนั้นก็มีโฆษณาอาหารเสริม L.Z. Vit ที่ใช้พรีเซ็นเตอร์ผู้ชายเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคว่าธุรกิจขายตรงกับผู้ชายไปด้วยกันได้ เป็นการปูทางก่อนที่จะมีการเปิดตัวเครื่องสำอางผู้ชายภายใต้แบรนด์ WIS อย่างเป็นทางการ

แต่กิฟฟารีนจะยังไม่มีการทำโฆษณาเครื่องสำอางผู้ชายแบรนด์ WIS จนกว่าจะขายครบ 1 ปีแล้วจึงดูผลตอบรับว่าสินค้ารายการใดมียอดขายสูงสุดก็จะนำสินค้ชุดนั้นมาทำโฆษณา แต่โดยจุดหลักแล้วกิฟฟารีนจะให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ด้วยการให้ความสำคัญกับงบวิจัยและพัฒนาสินค้ามากกว่างบสำหรับการทำตลาด

WIS for MEN by Giffarine มีสินค้าทั้งหมด 8 รายการแบ่งเป็น 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์คือ เครื่องหอม ประกอบด้วย แป้งโรยตัว น้ำหอม โรลออน กลุ่มบำรุงผิวหน้าประกอบด้วย โฟมล้างหน้า เดย์ครีม ไนท์ครีม แป้งตลับ ลิปมัน โดยเครื่องสำอางผู้ชายที่มียอดขายสูงสุด 3 อันดับแรกคือ โฟมล้างหน้า โรลออน และ แป้งตลับ สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ WIS คาดว่าจะออกสู่ตลาดอีกครั้งในช่วงต้นปีหน้าซึ่งตรงกับการฉลองครบ 10 ปีของกิฟฟารีน

กิฟฟารีนใช้งบการตลาดสำหรับเครื่องสำอางผู้ชายในปีนี้ประมาณ 5 ล้านบาท โดยหวังว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ 10,000 ชิ้นต่อเดือนต่อรายการ และจะเพิ่มเป็น 50,000 ชิ้นต่อเดือนต่อรายการภายในปีหน้า หรือคิดเป็นสัดส่วน 3-5% จากยอดขายทั้งหมดของกิฟฟารีนที่คาดว่าจะปิดยอดได้ไม่ต่ำกว่า 2,800 ล้านบาทในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 2,600 ล้านบาท โดยสัดส่วนหลักมาจากกลุ่มเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกาย 70% อาหารและอาหารเสริม 20% ผลิตภัณฑ์อื่นๆอีก 10%

อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เดือน แอมเวย์ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเอ็มแอลเอ็ม ได้มีการเปิดตัวสินค้าสำหรับผู้ชายภายใต้แบรนด์ ทอลซั่ม (TOLSOM) เนื่องจากเห็นทิศทางของตลาดโดยเฉพาะเคาน์เตอร์เครื่องสำอางระดับบนที่มีการแตกไลน์หันมารุกเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายมากขึ้น แม้ตลาดยังเล็กแต่ก็มีโอกาสเติบโตสูง

ทั้งนี้แอมเวย์ตั้งเป้ายอดขายทอลซั่มไว้ปีละ 100 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์กลุ่มเบสิค สกิรแคร์ ทั้ง 5 รายการได้แก่ ทอลซั่ม เฟเชียล เคล็นซิ่ง โฟม, ทอลซัม เชฟ เจล, ทอลซั่ม อาฟเตอร์ เชฟ สแปลช, ทอลซั่ม สกิน สมู๊ทธิ่ง เจล และ ทอลซั่ม สกิน โพรเท็คทีฟ โลชั่น เอสพีเอฟ 15 ส่วนแผนในอนาคตจะมีการเพิ่มไลน์สินค้าให้มากขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ลบริ้วรอย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.