โบรกเกอร์แห่พลิกกลยุทธ์สู้ศึกปีจอ กรุงศรีรีแบรนดิ้งทิสโก้รุกโรดโชว์ตปท.


ผู้จัดการรายวัน(9 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

บล.ทิสโก้ เปิดแผนปี 49-ปีจอ รุกเดินสายโรดโชว์ต่างประเทศมากขึ้นหวังเพิ่มลูกค้าต่างประเทศเป็น 30% ดันมาร์เกตแชร์ 4% คาดสิ้นปีดัชนี 740 จุด ส่วนปี 49 เห็น 800 จุดจากดอกเบี้ยชะลอขึ้น เศรษฐกิจโต หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์เด่น สินเชื่อโต 10% ด้าน บล.กรุงศรีอยุธยา รีแบรนดิ้ง ปรับโฉมบริการใหม่มุ่งเน้นความต้องการเฉพาะตัว ของลูกค้า หวังติดท็อปไฟว์ ภายใน 3 ปี เล็งเจาะนักลงทุนรุ่นใหม่

นายไพบูลย์ นลินทรางกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยถึงแผน การดำเนินงานปี 2549 ว่า บริษัทจะมีการขยายฐานลูกค้าสถาบันต่าง-ประเทศมากขึ้น โดยการไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ในต่างประเทศอย่าง สม่ำเสมอทุกเดือน ไปทุกทวีปทั่วโลก แต่หลักๆ จะเป็น สิงคโปร์ ฮ่องกง ยุโรป และอเมริกา เพราะเป็นฐานนักลงทุน ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยคาด ว่าจะมีสัดส่วนลูกค้าเป็นนักลงทุนสถาบันต่างประเทศเพิ่มเป็น 30% ลูกค้าสถาบันในประเทศ 20% รายย่อย 50% จากขณะนี้ที่มีลูกค้าสถาบันต่างประเทศ 25% ลูกค้าสถาบันในประเทศ 25% นักลงทุนรายย่อย50%

การจะไปโรดโชว์ต่างประเทศนั้นก็จะมีวิธีการเลือกไปนำเสนอข้อมูลกับลูกค้าเป็นระดับขั้นบันได ซึ่งจะดูตามขนาดการบริหารเงินขนาดการลงทุนในไทย คือ ลูกค้าระดับสูง (Platinum) ก็จะมีประมาณ 15 ราย รองมาก็จะเป็น Gold และ Siliver ซึ่งใน 2-3 เดือนที่ผ่านมาบริษัทก็เริ่มไปโรดโชว์ทุกเดือน ซึ่งจะเห็นผลว่ามีนักลงทุนสถาบันต่างประเทศเข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัทในไตรมาส1/49

"ขณะนี้ต่างประเทศซื้อขายหุ้นไทยสูงขึ้น โดยมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 28% จากปี 47 ที่มี 21-22% และการ่วมมือ กับ Deutsche Bank (DB) มาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ก็จะทำให้มีฐานลูกค้ามากขึ้น โดยบริษัททำบทวิจัย ที่เจะลงลึกรายละเอียดมากขึ้น ให้แก่ DB เพื่อเปลี่ยนชื่อเป็น DB นำไปให้ลูกค้าในต่างประเทศ"

รวมถึงบริษัทจะเจาะกลุ่มลูกค้า ระดับสูง (High Net Worth) โดยตั้งทีม Platinum จำนวน 6 คน ซึ่ง มาจากผู้บริหารกองทุน ผู้ที่ทำงานด้าน วาณิชธนกิจเพื่อในการให้คำแนะนำโดยจะเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริหารของบริษัท ลูกค้าของธนาคารทิสโก้ ซึ่งจะต้องมีมูลค่าการซื้อขาย 20 ล้านบาท โดยคาดว่าปี 49 จะมีลูกค้า 30-50 ราย โดยบริษัทคาดจะมีมาร์เกตแชร์ ปี49 ที่ 3.5-4% ทิสโก้คาดดัชนีปีหน้า 800

การคาดการณ์ดัชนีปี 2549 จะอยู่ที่ 800จุด จากปี 2548 ที่ 740 จุด เนื่องจากคาดว่าการปรับขึ้นของดอกเบี้ยจะหยุด โดย 3-4 เดือนแรกปีหน้าจะปรับขึ้นต่อและจะอยู่ที่ 4.5% หลังจากที่ปี 2548 ดอกเบี้ยปรับขึ้นเร็ว คาดอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 4.4% การ เติบเศรษฐกิจที่ 4.5% และหากตลาดอนุพันธ์เกิดขึ้นจริงก็จะทำให้ตลาดหุ้นไทยคึกคักมากขึ้นรวมถึงราคาหุ้นไทยถือว่าถูกมีค่า P/E ที่ 8-9 เท่าจาก ประเทศอื่นในภูมิภาคสูงกว่า 10 เท่าขณะที่อัตราผลตอบแทนสูงถึง 4% จึงทำให้ต่างประเทศ มีมูลค่าซื้อขายต่อวันประมาณ 20,000-22,000 ล้านบาท ขณะที่ 10 เดือนปี 2547 อยู่ที่ 17,000 ล้านบาท รวมถึงคาดว่ากำไรปี 2549 ของบริษัทจดทะเบียนจะเพิ่มขึ้น 8%จากปี 2548 ที่ 15-16%

ธุรกิจที่จะน่าสนใจลงทุนในปีหน้า คือกลุ่มธนาคาร เนื่องจากได้ รับผลดีจาการเศรษฐกิจการลงทุนของ ภาครัฐและเอกชนซึ่งจะทำให้ธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยสินเชื่อที่ดี โดยคาดว่าจะมีการปล่อยสินเชื่อสุทธิเพิ่มขึ้น 10% จากปี48 ที่ปล่อยได้ 6-7%

ทั้งนี้ แรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศจะเป็นตัวผลักดันตลาด เพราะต่างประเทศถือหุ้นไทยสูงถึง 32% แต่จะเป็นการโยกเงินมากว่า AYS รีแบรนดิ้ง

ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) หรือ AYS เปิดเผยว่า บริษัททำ รีแบรนดิ้ง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนรูปแบบ การให้บริการแก่ลูกค้าใหม่ โดยจะมุ่งเน้นความต้องการเฉพาะตัวของลูกค้า ซึ่งบริษัทจะต้องมีความเข้าใจในลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกค้ารายใหม่ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่อาจจะไม่เคย ให้ความสนใจในเรื่องการลงทุนด้านหลักทรัพย์มาก่อน

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้ากลุ่มดังกล่าวด้วยการให้ความรู้ ความเข้าใจ และการทำงานอย่างใกล้ชิดด้วยข้อมูลที่เจาะลึก และเข้าใจง่าย และรูปแบบการบริการ ที่จะสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองความพอใจสูงสุด ของลูกค้า ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะเป็น บริษัทหลักทรัพย์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดติด 1 ใน 5 ที่มีมาร์เกตแชร์สูงสุดภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งคาดว่าจะมีมาร์เกตแชร์อยู่ในระดับ5% ขณะที่ปัจจุบันนี้บริษัทมีมาร์เกต-แชร์ประมาณ 2.7-2.8% และในปี 2549 จะมีมาร์เกตแชร์อยู่ในระดับ 3.2-3.5%

ปัจจุบันนี้มีนักลงทุนที่ซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง 90% และอีก 10% ซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตเทรดดิ้ง แต่ในระยะยาวนั้นตั้งเป้าหมายว่าจะมีลูกค้ารายใหญ่และนักลงทุนสถาบันจำนวน10% และลูกค้าที่ซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งจำนวน 30% ส่วน อีก 60% นั้นจะเป็นลูกค้าที่ซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตเทรดดิ้ง

การปรับรีแบรนดิ้งนั้นในส่วนของธุรกิจวาณิชธนกิจ บริษัทก็จะหันมาเน้นการนำบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นมากขึ้น จากเดิมที่จะเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการควบรวมกิจการและการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการปรับโครงสร้างหนี้ นอกจาก นี้บริษัทจะมุ่งเน้นในธุรกิจตลาดอนุพันธ์

ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจค้าหุ้น 500ล้านบาท ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากมูลค่าการ ซื้อขายโดยรวมลดลง ขณะที่รายได้ วาณิชธนกิจจะอยู่ที่ 60-80 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการขายสินทรัพย์ของสถาบันการเงินที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.