คลังไม่เพิ่มสิทธิภาษีLTF


ผู้จัดการรายวัน(7 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

กระทรวงการคลังลั่นไม่ให้สิทธิพิเศษลดหย่อนภาษีการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพิ่ม หลังสมาคม บลจ.โยนก้อนหินถามทางขอเพิ่มวงเงินจาก 3 แสนบาท เป็น 5 แสนบาทต่อราย รองอธิบดีกรมสรรพากร ระบุมีคนใช้สิทธิลดหย่อนเต็มที่เพียง 7-8% เท่านั้น ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มสิทธิพิเศษ ขณะที่แนวทางการช่วยเหลือบริษัทที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดได้ข้อสรุปในการให้ความช่วยเหลือภายในสิ้นปีนี้

นายสาธิต รังคสิริ รองอธิบดี กรมสรรพากร และโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยถึงกรณีที่สมาคม บริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) เตรียม เสนอให้กระทรวงการคลัง เพิ่มสิทธิ ลดหย่อนภาษีสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จาก เดิมที่ได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 3 แสนบาท ต่อรายเพิ่มเป็น 5 แสนบาทต่อรายว่า ยังไม่ได้รับข้อเสนอจากสมาคมบลจ. แต่จากการที่กรมสรรพากรรวบรวมข้อมูลพบว่า มีกลุ่มที่ใช้สิทธิพิเศษด้านภาษีจาก LTF เต็มวงเงินมีเพียง 7-8% เท่านั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มสิทธิพิเศษในการลดค่าลดหย่อนตามที่สมาคมบลจ.เตรียมเสนอ

“เท่าที่เราดูจากตัวเลข ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มสิทธิพิเศษในการลดหย่อนภาษีการลงทุนผ่านกองทุน LTF เพราะคนใช้สิทธิถึง 3 แสนมีน้อยมาก” นายสาธิตกล่าว

นายสาธิต กล่าวถึงความคืบหน้าในการหามาตรการช่วยเหลือบริษัทที่เตรียมเข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งก่อนหน้าได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษี รายได้ว่า แนวทางการให้สิทธิในการลดหย่อนภาษีรายได้คงไม่มีอีกในขณะนี้ แต่ในปัจจุบันกระทรวงการคลัง กรมสรรพากร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ใน การให้สิทธิพิเศษ เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมในการขออนุญาตเข้าจดทะเบียน ค่าสอบบัญชี และต้นทุนที่สูงขึ้นจากการมีคณะกรรมการอิสระ ค่า ใช้จ่ายในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า กรมสรรพากรจะเข้าไปช่วยเหลือในส่วนใดได้ บ้าง เพื่อลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการในการเข้า มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

“คาดว่าเราน่าจะหาข้อสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้ ก่อนที่จะเสนอเรื่องให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่ออนุมัติแนวทางการให้ความช่วยเหลือ”

รายงานข่าวจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) รายงานว่า ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของบลจ.ทั้งระบบอยู่ที่ 7,840.89 ล้านบาท โดยบลจ.ที่มีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เกตแชร์) สูงสุดคือ บลจ.กสิกรไทย มาร์เกตแชร์ 25.73% บลจ.ไทยพาณิชย์ มาร์เกต- แชร์ 22.19% บลจ.บัวหลวง 9.53% บลจ.ทหารไทย 7.24% บลจ.ธนชาต 5.30% บลจ.อยุธยาเจเอฟ 4.11%

สำหรับบลจ.ทิสโก้ มีมาร์เกตแชร์ 3.72% บลจ.อเบอร์ดีน 3.60% บลจ.วรรณ 2.96% บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) 2.80% บลจ.บีโอเอ 2.73% บลจ.เอ็มเอฟซี 2.13% บลจ.พรีมาเวสท์ 1.98% บลจ.กรุงไทย 1.77% บลจ.แอสเซทพลัส 1.53% บลจ.นครหลวงไทย 1.46% และบลจ.บีที มีมาร์เกตแชร์ 0.18%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.