'เพ้ง'ยันขวาง บ.ลูกบินไทยเข้าตลาดหุ้น


ผู้จัดการรายวัน(7 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

บอร์ดทีจีเคาะโต๊ะสรุปเฉือนการบินไทยออกเป็น 5 หน่วยธุรกิจ ตั้งเป็นบริษัทลูกอยู่ภายใต้การบินไทย “วันชัย”ลดกระแสต้าน ออกโรงปฏิเสธไม่ได้ส่งหนังสือบีบพนักงานลาออกไปสมัครบริษัทใหม่ แย้มการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นเรื่องอนาคต “พงษ์ศักดิ์”การันตีเมื่อแยกแล้วจะไม่นำบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้น

นายวันชัย ศารทูลทัต ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ได้ข้อสรุปเรื่องการแยกหน่วยธุรกิจ (Business Unit) รวม 5 ฝ่าย คือ ฝ่ายช่าง คลังสินค้า ครัวการบิน บริการอุปกรณ์ภาคพื้น และบริการภาคพื้น เพื่อแยกการทำงาน ระบบบัญชี การหารายได้ และการบริหารงานภายในหน่วยธุรกิจทั้งหมด และในอนาคตหน่วยธุรกิจเหล่านี้จะแยกเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของการบินไทย แต่แผนการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หลังทั้ง 5 หน่วยธุรกิจนั้นยังไม่มีความชัดเจน เพราะเป็นเรื่องอนาคต

"รู้แต่ว่าการแยกการทำงานเป็นหน่วยธุรกิจจะช่วยให้การบินไทยมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น แต่การจะแยกเป็นบริษัทนั้นคงต้องใช้เวลานานพอสมควร ดูอย่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เขาก็ตั้งหน่วยธุรกิจมาเป็น 10 ปี กว่าพนักงานจะยอมรับและแยกเป็นบริษัทได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของอนาคต วันนี้เราแค่ทำหน่วยธุรกิจเพื่อพัฒนาให้การทำงานเข้มแข็งขึ้น" นายวันชัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าขณะนี้การบินไทยยังไม่ได้มีหนังสือไปถึงพนักงานบริษัทว่าขอให้พนักงานลาออกจากการบินไทยเพื่อไปเป็นพนักงานที่บริษัทใหม่ภายหลังหน่วยธุรกิจเปลี่ยนเป็นบริษัท พนักงานยังคงทำงานเช่นเดิม เพราะเรื่องการตั้งบริษัทเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเร็วๆ นี้ จะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับพนักงาน

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ไม่มีนโยบายให้บริษัทที่แยกจากหน่วยธุรกิจกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เพราะมีการบินไทยที่กระจายหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะให้บริษัทย่อยเข้าขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อีก

นายกอบชัย ศรีวิลาศ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส ฝ่ายวางแผนและบริการงานเทคโนโลยีสารสนเทศ การบินไทย กล่าวว่า แผนการแยกการบริหารงานภายในการบินไทยเป็นหน่วยธุรกิจ จะช่วยลดขนาดความใหญ่โตของการบินไทย รวมถึงการบริหารงานจะรวดเร็วมากขึ้น เพราะขั้นตอนการตัดสินใจมาอยู่ที่ผู้มีอำนาจในแต่ละฝ่าย เป็นการกระจายอำนาจการบริหารงาน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้การบินไทยมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานดีขึ้น

“การแยกหน่วยธุรกิจออกไปเป็นบริษัทเป็นเรื่องระยะยาว คงไม่ใช่เร็วๆ นี้ เพราะช่วงนี้การบินไทยต้องเตรียมงานโยกย้ายการดำเนินงานไปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นถือเป็นเร่งด่วนและงานใหญ่ที่ต้องดำเนินการก่อน ดังนั้นการแยกหน่วยธุรกิจไปเป็นบริษัทคงเกิดขึ้นหลังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์แล้ว”

ทั้งนี้ การบินไทยจะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับพนักงานเพื่อให้เห็นข้อดีของการแยกหน่วยธุรกิจออกเป็นบริษัทเพื่อบริหารงานเอง โดยพนักงานต้องเห็นว่าเมื่อแยกเป็นบริษัทแล้วการดำเนินงานจะคล่องตัวกว่าเดิม มีโอกาสหารายได้ได้มากเดิม เพราะรูปแบบใหม่อาจมีแรงจูงใจให้พนักงาน (Incentive) หากพนักงานมีแนวทางในการหารายได้ให้องค์กรเพิ่มขึ้น ก็จะได้รับผลตอบแทนมากขึ้น ซึ่งในตอนนั้นเมื่อพนักงานเข้าใจและพร้อมที่จะโอนย้ายไปสังกัดบริษัทใหม่ จึงจะแยกหน่วยธุรกิจเป็นบริษัท และประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนี้แผนงานของการตั้งหน่วยธุรกิจเป็นบริษัท รวมถึงการวางระบบต่างๆ เช่น ระบบบัญชี ระบบการบริหารงาน วิธีการสร้างรายได้ จะยังคงดำเนินอยู่ โดยผู้นำของแต่ละหน่วยธุรกิจจะต้องพิสูจน์ให้พนักงานเห็นให้ได้ว่าการแยกหน่วยธุรกิจเป็นบริษัทจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพนักงาน และอย่างน้อยพนักงานที่โอนย้ายไปจะได้รายได้ เงินเดือนและสวัสดิการไม่ต่ำกว่าการเป็นพนักงานของการบินไทย เพราะหากเราให้ผลตอบแทนน้อยกว่าเดิม คงไม่มีพนักงานคนไหนอยากเข้าไปอยู่ที่บริษัทใหม่

ก่อนหน้านี้ การบินไทยได้หารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร ผู้บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถึงแนวทางการแยกหน่วยธุรกิจเป็นบริษัท พบว่า ปตท. ก็ใช้เวลานานกว่าจะทำความเข้าใจกับพนักงาน เรื่องดังกล่าวต้องอาศัยเวลาพิสูจน์ให้พนักงานเห็นข้อดีของการแยกหน่วยธุรกิจเป็นบริษัท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.