อเบอร์ดีนจับตาผลประกอบการบจ. หวั่นน้ำมันแพง-เงินเฟ้อพุ่งพ่นพิษ


ผู้จัดการรายวัน(4 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

กองทุนหุ้นค่ายอเบอร์ดีนยังเจ๋ง ฝ่าด่านดัชนีตลาดหุ้นหลุดลงต่ำกว่า 700 จุด โชว์ผลตอบแทนชนะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ผู้จัดการกองทุนเผย ตั้งแต่ต้นปีผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ทุกกอง พร้อมจับตาผลประกอบการไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของบริษัทจดทะเบียน หวั่นน้ำมันแพง-เงินเฟ้อพ่นพิษ ชี้การเข้ามาของ กฟผ. รวมทั้งการลงทุนผ่านกองทุน LTF-RMF ช่วงสิ้นปี ช่วยกระตุ้นให้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้ง

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด รายงานผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้น สิ้นสุด ณ เดือนตุลาคมที่ผ่านมา พบว่ากอง ทุนหุ้นภายใต้การบริหารจำนวน 5 กอง ซึ่งได้แก่ กอง ทุนเปิดอเบอร์ดีนโกรท, กองทุนเปิดอเบอร์ดีนสยามลีดเดอร์ส,กองทุนเปิดอเบอร์ดีนสมาร์ทแคปปิตอลเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว และกองทุนเปิด อเบอร์ดีนสมอลแค็พ ผลตอบแทน ย้อนหลังช่วง 3 เดือนยังเหนือกว่าดัชนีตลาดหลัก-ทรัพย์ทุกกองทุน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเป็น ช่วงที่ตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวน เนื่องจากดัชนีตลาด หลักทรัพย์ฯ ปรับตัวลดลงจากดัชนีที่ปรับขึ้นไปถึง 720 จุดลงมาต่ำกว่า 700 จุดอีกครั้ง ส่งผลให้ผลตอบ แทนจากการลงทุนในหุ้นลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้

นายณสุ จันทร์สม ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมากองทุนหุ้นภายใต้การบริหารของอเบอร์ดีนให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 10% ทุกกองทุน ซึ่งชนะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ให้ผล ตอบแทนประมาณ 3% เท่านั้น ทั้งนี้ เนื่องจากวิธีการเลือกลงทุนที่แตกต่างจากคนอื่น คือ เน้นเป็นราย บริษัทมากกว่าการลงทุนเป็นกลุ่มหรือลงทุนเกาะกระแสดัชนีตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ดัชนีตลาด ปรับตัวลงมาต่ำกว่า 700 จุดในช่วงที่ผ่านมา มองว่าเป็นแนวโน้มระยะสั้นที่มีการขายทำกำไรออกมา ซึ่งในส่วนของอเบอร์ดีนเองไม่มีการขายหุ้นออกไป แต่กลับมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าไปซื้อหุ้นมากกว่า

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะพิจารณาลงทุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) อย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันแพง อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา หากบริษัทจดทะเบียนใดไม่สามารถจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้ก็จะมีผลกระทบต่อการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังจะพิจารณาถึงสัดส่วนหนี้ของบริษัทนั้นๆ ด้วย
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี เชื่อว่าจะคึกคักขึ้นในระดับหนึ่ง จากการเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ บริษัท กฝผ. จำกัด (มหาชน) เนื่อง จากเป็นหุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาดรวม (มาร์เกต-แคป) ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ยังจะมีเม็ดเงินใหม่ไหล เข้ามาลงทุนเพิ่ม จากการลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ในช่วงสิ้นปี แต่ถึงแม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะพักการลงทุนหรือลดจำนวนการซื้อขายในช่วงสิ้นปี เชื่อว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดหุ้นไทย

สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นจำนวน 5 กองทุน ประกอบด้วยกองทุนเปิดอเบอร์ดีนโกรท โดยให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.97% สูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 1.81% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 10.17% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 3.49% ย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทน 25.82% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 9.76% ย้อนหลัง 3 ปีให้ผลตอบแทน 136.47% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 90.88% และผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 17.55% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 2.12%

กองทุนเปิดอเบอร์ดีนสยามลีดเดอร์ส ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.91% สูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 1.81% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 10.18% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 3.49% ย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทน 26.57% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 9.76% และผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 16.83% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 2.12%

กองทุนเปิดอเบอร์ดีนสมาร์ทแคปปิตอลเพื่อ การเลี้ยงชีพ ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.78% สูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนดัชนีตลาด หลักทรัพย์ที่ 1.81% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 10.01% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนดัชนีตลาด หลักทรัพย์ 3.49% ย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทน 24.76% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 9.76% และผล ตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 17.03% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนดัชนีตลาดหลัก-ทรัพย์ 2.12%

กองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว ให้ผลตอบ แทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.25% สูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 1.81% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 10.27% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 3.49% ย้อนหลัง 1 ปีให้ผลตอบแทน 22.77% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 9.76% และผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) อยู่ที่ 16.39% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 2.12%

ทั้งนี้ จากการสำรวจหลักทรัพย์ที่กองทุนเข้าไปลงทุนนั้น ประกอบด้วย บมจ.แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส บมจ.กรุงเทพประกันภัย บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา บมจ.ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส์ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย บมจ.บลจ. เอ็มเอฟซี บมจ.ภัทรประกันภัย บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ บมจ. สยามแม็คโคร บมจ.ไทยรับประกันภัยต่อ บมจ.ไทย สแตนเลย์การไฟฟ้า และ บมจ.ธนาคารทิสโก้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.