|
จับตาอสังหาฯโซนตะวันออก รายใหญ่รุกเปิดตลาดคอนโดฯ
ผู้จัดการรายสัปดาห์(3 พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
* ชี้"บีทีเอส-สุวรรณภูมิ"เพิ่มศักยภาพการลงทุนโซนตะวันออก
* "แลนด์-ศุภาลัย-แอล.พี.เอ็นฯ" โดดชิงเค้กก้อนโตตลาดคอนโดฯระดับกลาง
* "ศุภาลัย"ประกาศยกระดับมาตรฐานคอนโดฯโซนตะวันออกเทียบเท่าคอนโดฯใจกลางเมือง
อานิสงส์โครงข่ายระบบราง แจ้งเกิดทำเลใหม่ธุรกิจบ้านจัดสรร ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่แห่ผุดคอนโดฯเลียบแนวรถไฟฟ้าโซนตะวันออก ระเบิดศึกชิงเค้กตลาดคอนโดฯ ย่านอ่อนนุช-อุดมสุข เขย่าเก้าอี้เจ้าถิ่น "กลุ่มนิรันดร์ คอนโดฯ"อดีตเจ้าพ่อคอนโดฯ ระดับล่าง "ศุภาลัย"งัดกลยุทธ์ไม้ตายส่ง "ซิตี้ โฮม สุขุมวิท" บีบคู่แข่ง หวังโกยกำลังซื้อคนทำงานในสนามบินสุวรรณภูมิ เล็งกินรวบฐานลูกค้าเดิม-ลูกค้าในพื้นที่
การลงทุนขนส่งมวลชน ระบบรางส่งผลให้ที่ดินในทำเลเกาะติดแนวรถไฟฟ้ากลายเป็นทำเลทองของนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจจัดสรรที่เน้นลงทุนโครงการใหม่ในทำเลเกาะแนวระบบรางเป็นจุดขายหลัก ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจึงมีโครงการจัดสรรใหม่ๆ ในทำเลเลียบแนวรถไฟฟ้าเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
เมื่อการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองมีความสะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น ความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ใจกลางเมืองก็ลดลง เนื่องจากระบบขนส่งที่รวดเร็วช่วยร่นระยะเวลาในการเดินจากบริเวณพื้นที่รอบนอกของ กทม.เข้าสู่ใจกลางเมืองให้รวดเร็วขึ้น ดังนั้น การมีที่อยู่อาศัยอยู่ห่างจากใจกลางเมืองแต่เกาะติดระบบรางจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคที่มีวงเงินจำกัด แต่ต้องการมีที่พักอาศัยในย่านใจกลางเมือง เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง
ในย่านอ่อนนุช -อุดมสุขเป็นอีกทำเลหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งจากผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เพราะได้รับอานิสงส์จากสนามบินสุวรรณภูมิ และความชัดเจนด้านการลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอส จากสถานีอ่อนนุชไปยังสำโรง ทำให้เริ่มมีกลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ๆ เข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการในย่านดังกล่าวแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ตั้งแต่ซอยสุขุมวิท 77 หรือซอยอ่อนนุช ไล่เรื่อยไปจนถึงซอยอุดมสุข หรือ สุขุมวิท 103
รายใหญ่นำร่องเปิดตลาดคอนโดฯ
ผู้ประกอบการรายแรก ๆ ที่เข้าไปลงทุนเปิดตลาดคอนโดมิเนียมในทำเลทองแห่งนี้คือ บมจ.แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ เจ้าพ่อคอนโดมิเนียมระดับกลางที่ขยายการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นพัฒนาโครงการในพื้นที่ที่อยู่ในย่านแหล่งชุมชนเดิม และเกาะแนวระบบคมนาคมทุกประเภทภายในรัศมีไม่เกิน 5 กม.จากที่ตั้งโครงการภายหลังประสบความสำเร็จจากโครงการลุมพินี วิลล์ ศูนย์ วัฒนธรรม ซึ่งเป็นโครงการแรกของ แอล.พี.เอ็น.ฯ ที่พัฒนาขึ้น-ภายใต้แนวคิด "LPN X-Place" แล้ว เจ้าพ่อคอนโดฯ ระดับกลางยังขยายการลงทุนเปิดตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่โซนตะวันออกของกทม.อย่างเต็มตัว
โดยยึดทำเลย่านอ่อนนุชเป็นหัวหาดในการลงทุนพัฒนาโครงการลุมพินี เซ็นเตอร์ สุขุมวิท 77 คอนโดมิเนียมสูง 23 ชั้น จำนวน 987 ยูนิต มูลค่า 1,350 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าที่เพิ่งสร้างครอบครัวใหม่ และกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ซึ่งเคยเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ในละแวกใกล้เคียง ด้านฝั่งคู่แข่งอย่าง บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ก็ให้ความสนใจกับการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดฯในทำเลดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน
แม้ว่าจะมีแบรนด์ "The Bangkok" ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่ แลนด์ฯ ตั้งใจปั้นมาบุกตลาดคอนโดฯ ระดับกลาง-บนแล้ว ในการรุกตลาดคอนโดฯ โซนตะวันออก ซึ่งจะต้องทำตลาดในระดับราคาที่ต่ำลงเมื่อเทียบกับแบรนด์ "The Bangkok" จึงจำเป็นต้องปั้นแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเพื่อทำตลาดคอนโดฯ ระดับราคา 1 ล้านต้นๆ เพื่อแบ่งแยกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้แตกต่างจาก "The Bangkok" อย่างชัดเจน แต่ยังคงยึดมั่นในนโยบายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมสร้างก่อนขายเช่นเดียวกับโครงการอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของ แลนด์ฯ โดยคอนโดมิเนียมระดับกลาง ภายใต้แบรนด์ใหม่ ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในซอยสุขุมวิท 50 เพียง 150 เมตร และห่างจากสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชเพียง 200 เมตร คาดว่าจะเปิดการขายได้ในช่วงปลายปีหน้า
ศุภาลัยขอเอี่ยวชิงเค้ก
ล่าสุด บมจ.ศุภาลัย ประกาศยกระดับตลาดคอนโดฯ ในโซนตะวันออกให้เทียบเท่าคอนโดฯ ใจกลางเมือง โดยส่งแบรนด์ "ซิตี้ โฮม" ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ตั้งขึ้นมาใหม่และใช้เวลาสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดเพียงไม่ถึง 1 ปีเข้าชิงยอดขายจากคู่แข่ง ภายใต้ชื่อโครงการซิตี้โฮม สุขุมวิท ตั้งอยู่ติดริมถนนสุขุมวิท 101/2 จำนวน 956 ยูนิต แบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 เฟส โดยมีราคาขายต่อยูนิตเริ่มต้นเพียง 900,000 บาทเศษ
อธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย กล่าวว่า ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งโครงการและความสำเร็จจากซิตี้โฮม รัชดาฯ ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถปิดยอดขายได้ตั้งแต่วันแรกที่เปิดการจอง และผลจากการลงทุนในโครงการใหม่ในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้บริษัทคาดว่าจะสร้างยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 7,100 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ และเพิ่มขึ้นเป็น 9,000 ล้านบาทในปีต่อไป โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ศุภาลัย มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20-30% ต่อปี และมีฐานลูกค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นตลาดบ้านเช่าในละแวกใกล้เคียง
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงพนักงานของสายการบินต่างๆ ที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วย ซึ่งเท่ากับว่า ศุภาลัย อยู่ในฐานะเป็นต่อเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เพราะนอกจากแบรนด์ที่แข็งแกร่งอย่าง "ซิตี้ โฮม" แล้วยังมีฐานลูกค้าที่มากกว่า อีกทั้งโครงการยังมีจุดขายด้าน ทำเลที่ตั้งติดถนนใหญ่ในราคาขายที่เหมาะสม
อธิปกล่าวว่า แนวโน้มการแข่งขันของตลาดอสังหาฯ ในโซนตะวันออกจะค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้น นอกจากการเปิดตลาดคอนโดฯในโซนตะวันออกของ กทม.แล้ว ยังเป็นการเปิดสมรภูมิการแข่งขันแห่งใหม่ของตลาดอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย เพราะนอกจากนี้ยังมีโครงการพลัส ซิตี้ พาร์ค สุขุมวิท 101/1 ซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์ขนาด 22-45 ตารางวา จำนวน 108ยูนิต ภายใต้การลงทุนของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ เปิดการขายเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านในทำเลดังกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|