เอเจอัดงบโฆษณา120ล้าน สลัดภาพสินค้าเกรดต่ำ


ผู้จัดการรายสัปดาห์(3 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

เอเจแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากเมืองจีน ปรับกลยุทธ์ขยับขึ้นตลาดบนสินค้าประเภทวีซีดี และดีวีดีโดยทุ่มงบ 120 ล้านโหมโฆษณา และจัดโรดโชว์ทั่วประเทศสร้างแบรนด์ เพื่อหนีภาพของสินค้าจากเมืองจีนยกระดับแบรนด์สู่ตลาดระดับกลางก่อนขยับต่อขึ้นเจาะตลาดบนด้วยสินค้าประเภทเทคโนโลยี เดินตามแนวเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเกาหลี

ในยุคที่สินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศจีนโดยเฉพาะเครื่องเล่นวีซีดี และดีวีดีทะลักเข้าสู่ตลาดเมืองไทย ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทดังกล่าวหลายๆ แบรนด์โดยเฉพาะจากทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีต้องพยายามขยับขึ้นไปเล่นตลาดบนกันแทบหมด แม้กระทั้งสินค้าจากจีนด้วยกันเอง บางแบรนด์ก็เริ่มหันมาใช้งบประมาณสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์แทนที่จะรุกตลาดด้วยสงครามราคาเพียงอย่างเดียว

เอเจ น่าจะเป็นแบรนด์แรกๆ ที่เริ่มโหมทำโฆษณาโดยใช้พระเอกยอดนิยมรุ่นเดอะอย่างสมบัติ เมธินีเป็นพรีเซ็นเตอร์ อมร มีมะโน กรรมการผู้จัดการ บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าเอเจ ระบุว่า จากนี้ไปเอเจจะมีการใช้งบประมาณในการโฆษณาทางสื่อต่างๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ด้วยคอนเซ็ปต์ "ทน ชัด คุ้ม " ให้กับแบรนด์เอเจ โดยในช่วงตั้งแต่กลางปีนี้ถึงกลางปี 2549 มีการใช้งบประมาณราว 120 ล้านบาท ในการผลิตโฆษณาออกมาในช่วงดังกล่าว

นอกจากนี้ยังมีการใช้งบประมาณในช่วงเดียวกันอีกราว 50 ล้านบาท ในการจัดกิจกรรมโรดโชว์ผลิตภัณฑ์ของเอเจร่วมกับผู้แทนจำหน่ายที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อสร้างความมั่นใจในแบรนด์ต่อกลุ่มผู้บริโภค

ซึ่งขณะนี้เอเจศูนย์บริการแล้วมากกว่า 30 แห่ง โดยกระจายอยู่ในกรุงเทพและหัวเมืองใหญ่ๆ ขณะเดียวกันก็พยายามจะขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุมทุกจังหวัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค

อมร บอกว่า กลุ่มเป้าหมายของเอเจ คือ ลูกค้าระดับบีบวกลงมา และในต้นปีหน้าเอเจก็จะแตกไลน์สินค้าไปยังกลุ่มทีวีจอพลาสม่า จอแอลซีดี และอื่นๆ ให้ครบวงจรในเรื่องของเครื่องใช้ไฟฟ้าเอวี อีกด้วย

ปัจจุบันเอเจครองส่วนแบ่งทางการตลาดเครื่องเล่นวีซีดีดีวีดี และโฮมเธียร์เตอร์ กว่า 20% ซึ่งถือว่ามีการเติบโตที่รวดเร็วเนื่องจากแบรนด์เอเจเข้ามาทำตลาดเครื่องวีซีดี และดีวีดีในไทยเพียง 2 เท่านั้น นอกจากนี้เอเจมีแผนรุกตลาดต่างประเทศ ในปี 2550 โดยจะรุกตลาดทั้งยุโรป และสหรัฐ ปัจจุบันยอดขายรวมของดีวีดีแต่ละยี่ห้อในแต่ละเดือนอยู่ที่ประมาณ 2 แสนเครื่อง ในขณะที่ยอดขายวีซีดี อยู่ที่ราว 1 แสนเครื่องต่อเดือน

แม้ว่าในปัจจุบันสภาวะทางเศรษฐกิจอาจจะไม่เอื้ออำนวยต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคมากนัก โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นของชิ้นใหญ่และใช้ส่วนรวมของคนภายในบ้าน การตัดสินใจซื้ออาจจะชะลอตัวลง แต่ในขณะเดียวกันความบันเทิงในบ้านก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่น่าจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส กล่าวคือ เมื่อคนไม่อยากออกจากบ้านเพราะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย จึงต้องหากิจกรรมทำ ซึ่งนั่นก็หมายถึง การดูทีวี ดูหนัง ฟังเพลง ต่างๆนานาที่เป็นเครื่องใช้เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ภายในบ้าน ดังนั้นภาพรวมของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้านับจากนี้จะอยู่ในช่วงคงที่ไม่หวือหวามากนัก กำลังการซื้อมีไม่มาก แต่อาจจะโตกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย ในด้านของการแข่งขันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะสงครามในเรื่องของราคา และโปรโมชั่น ณ จุดขาย

"สำหรับในส่วนของ AJ เองยังคงมุ่งทำการตลาดตามที่วางไว้ ไม่มีการดัมพ์ราคาลงมาสู้ศึกอย่างแน่นอน เนื่องจากว่าไม่ใช่นโยบายของบริษัท แต่จะเน้นการโฆษณาประชาสัมพันะผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งการเป็นสปอร์นเซอร์ให้กับรายการแนววาไรตี้โชว์และเกมโชว์ รวมทั้งการจัดอีเว้นท์ ควบคู่กับการอัดแคมเปญโปรโมชั่น เช่น ผ่อนดอกเบี้ย 0% หรือ ซื้อเครื่องเล่น วีซีดี หรือดีวีดี แถม แผ่น ดีวีดี และไมค์ร้องคาราโอเกะ ในส่วนของตลาดต่างจังหวัดขณะนี้ถือว่าดีมากเมื่อเทียบกับในกรุงเทพถือว่ามีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน "


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.