กฟผ.โชว์กำไรพันล.-ปันผล ล้มแผนตั้งกองทุนอุ้มค่าไฟปล่อยลอยอิสระ


ผู้จัดการรายวัน(3 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

กฟผ.เดินหน้าโรดโชว์ขายหุ้นใน-นอก ประเทศ จูงใจปันผล 75 สตางค์ต่อหุ้นไตรมาส 2/49 แผนการลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้าใช้เงินลงทุนแสนล้านหุ้นพนักงานมี 2 ทางเลือกจัดสรรราคาพาร์ 10 บาทในสัดส่วน 8 เท่าของเงินเดือน และให้ฟรีในสัดส่วนที่ลดลง มาก ด้านกระทรวงพลังงาน ล้มแนวคิดตั้งกองทุนอุ้มค่าไฟ ปล่อยให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่จะช่วยรายย่อย 9 ล้านครัวเรือน เน้นต้องไม่ติดแอร์ เร่งหาข้อสรุปให้ทันปรับค่าเอฟทีรอบใหม่ 1 ก.พ.ปีหน้า พรรคประชาธิปัตย์ยื่นหนังสือค้าน กฟผ.เข้าตลาดต่อ ก.ล.ต.วันนี้

นายไกรสีห์ กรรณสูต กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการกระจายหุ้นของบมจ.กฟผ.ภายหลังให้ข้อมูลกับประชาชนทั่วไป โดยการขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทเป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงิน ปันผลสำหรับงวดบัญชีปี 2548 จำนวน 0.75 บาทต่อหุ้นซึ่งคาดว่าจะสามารถจ่ายให้ผู้ถือหุ้นได้ในช่วงไตรมาส 2/49 โดยบริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

ปี 2545 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2.7 หมื่นล้านบาท และในปี 2547 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในปี 2548 รายได้ของบริษัทจะปรับตัวลดลง เนื่องจากการคำนวณค่าเอฟทีแบบใหม่ ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถรับรู้รายได้ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท แต่อนาคตในเรื่องดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบและเป็นไปตามกลไกของราคาไฟฟ้า

สำหรับแผนงานของบริษัทในช่วงเวลา 3 ปีข้าง หน้าบริษัทมีแผนที่จะลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็น ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจำนวน 4 โรง มูลค่าประมาณ 65,500 ล้านบาท และระบบสายส่งไฟฟ้าอีกประมาณ 4 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทยังได้อนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากปัจจุบันอีก 50% โดยในปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.6 หมื่นเมกะวัตต์ ซึ่งคิดเป็น 60% ของไฟฟ้าที่ใช้ในประเทศ โดยบริษัทเป็นผู้ซื้อรายเดียวในประเทศทั้งจากภาคเอกชนและจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ อัตราการเติบโตของการใช้ไฟฟ้าในประเทศ เติบโตเฉลี่ย 1.4% ของจีดีพีประเทศ ซึ่งเชื่อว่าในช่วง เวลา 10 ปีต่อจากนี้แนวโน้มการเติบโตของบริษัทจะยังอยู่ในทิศทางที่ดี

สัดส่วนการกระจายหุ้นให้กับพนักงานที่มีการแบ่งจัดสรรให้จำนวน 522 ล้านหุ้น มีการจองซื้อจำนวน 510 ล้านหุ้น หรือ 99.90% เหลือ 11 ล้านหุ้น โดยในส่วนของพนักงานมีการจัดสรรเป็น 2 ทางเลือก คือ 1.จัดสรรให้ในราคาพาร์ 10 บาทในสัดส่วน 8 เท่าของเงินเดือน 2.ให้ฟรีกับพนักงานในสัดส่วนที่ลดลงมาก โดยหุ้น ส่วนที่เหลือได้มีการนำไปรวมเพิ่มกับส่วนที่จะขายให้กับประชาชนทั่วไป
ทั้งนี้ ทำให้สัดส่วนที่จะเสนอขายให้กับนักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้นจาก 1,234 ล้านหุ้น เป็น 1,245 ล้านหุ้น ในส่วนของหุ้นกรีนชูจำนวน 183 ล้านหุ้น

ม.ล.ชโยทิต กฤษดากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า การ เสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน(โรดโชว์)ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศจะทำควบคู่กันไป ระหว่างวันที่ 2-8 พ.ย. ซึ่งในส่วนของในประเทศจะให้ข้อมูลนักลงทุนอีก 4 จังหวัดทั่วประเทศ ขณะที่ในส่วนของต่างประเทศจะเดินทางไปโรดโชว์ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ยุโรป เป็นต้น ล้มกองทุนอุ้มเอฟที

นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการ สำนักงาน นโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงานเปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกันว่าผลการประชุมในครั้งนี้มีมติชัดเจนไม่มีการตั้งกองทุนอุ้มค่าไฟฟ้า (Ft) แต่อย่างใด แม้ว่าในอนาคตค่าเชื้อเพลิงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จะทำให้ค่า Ft ต้องปรับสูงขึ้นก็ตาม แต่ทางคณะกรรมการฯเห็นว่าเพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ก่อให้เกิดประสิทธิภาพ และการประหยัดพลังงานเพิ่มมากขึ้นสร้างประสิทธิภาพในการผลิต แต่ทั้งนี้ในที่ประชุมก็มีมติที่จะดำเนินการหาแนวทางช่วย เหลือแก่ผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยที่มีเป็นประชาชนทั่วไปที่มีอยู่ประมาณ 9 ล้านครัวเรือนใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ที่เป็นบ้านเรือนไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่ยังไม่มีมาตรการที่แน่ชัดต้องประชุม หารือกันก่อนว่าจะดำเนินใช้แนวทางใด และยังไม่อาจยืนยันได้ว่าแนวทางที่ใช้จะต้องเป็นภาระงบประมาณ หรืออาจใช้มาตรการที่ช่วยเหลือมาตรการอย่างอื่นๆที่ไม่กระทบเงินงบประมาณยังตอบไม่ได้ว่าแนวทางช่วยเหลือผู้ใช้ไฟรายย่อยจะเป็นอย่างไร แต่แน่นอนจะต้องสรุปให้ได้ก่อนปรับค่า Ft รอบใหม่ช่วย 1 ก.พ. ปีหน้าแน่นอน

ส่วนผู้ใช้ภาคอุตสาหกรรมนั้น คงไม่กระทบมากนัก เพราะถ้าเปรียบเทียบค่าไฟฟ้ากับต่างชาติ ไทยถือว่าราคาต่ำที่สุด "ยืนยันปตท. และกฟผ. จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับค่า Ft อีกต่อไป ต่อไปภาระจะผ่านประชาชนโดยตรง" นายเมตตา กล่าว ตัดหนี้สูญลูกหนี้ค่า Ft กฟผ.ขาดทุน

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า กฟผ.เตรียมจะประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 พลิกมีกำไร 1 พันล้านบาทในช่วงก่อนประกาศราคาจองครั้งสุดท้ายจาก การพยุงค่าเอฟที ส่วนเหตุที่ทำให้ กฟผ.มีผลขาดทุน สุทธิ 8,997.1 ล้านบาท ในรอบ 5 เดือน 23 วัน ณ วันที่ 23 มิ.ย.2548 เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิ 19,532 ล้านบาท ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2547 เนื่องจากได้ตัดหนี้สูญสำหรับลูกหนี้ค่า Ft ค้างรับ 4,794.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่า Ft รับรู้เป็นรายได้ในรอบปีงบประมาณ 2546

ส่วนประมาณการผลการดำเนินงาน กฟผ. ปี 2548 มีรายได้ 260,000 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 4,000 ล้านบาท ส่วนปี 2549 มีรายได้ 310,000 ล้าน บาท กำไรสุทธิ 21,000 ล้านบาท

วันนี้(2 พ.ย.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วม ฝ่ายค้าน แถลงว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้หารือกันถึงกรณีที่จะนำหุ้นกฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยเห็นว่าการเร่งรีบนำหุ้น กฟผ. เข้าตลาดหลักทรัพย์ยังพิจารณาไม่รอบคอบเพียงพอ เนื่องจากมีปัญหา 2 ด้าน คือด้านที่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่ได้มาทั้งจากการเวนคืนที่ดินและการใช้ที่ราชการซึ่งเป็นสมบัติของชาติ หากนำไปแปรรูปแล้วอาจจะมีปัญหาเรื่องกฎหมายและความเป็นธรรมกับประชาชนซึ่งรัฐบาลยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนและไม่ศึกษาเรื่องนี้ให้รอบคอบ

ในวันพรุ่งนี้ (3 พ.ย.) เวลา 09.00 น. ฝ่ายค้านนำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะนำจดหมายคัดค้านการนำ กฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์ไปยื่นกับ ก.ล.ต.

ด้านนายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ธุรกิจโทรคมนาคมในอนาคตจะเป็นธุรกิจที่พึ่งพาสายเคเบิลใยแก้วที่จะพาดระบบสายส่งไปยังชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ และจะเป็นระบบที่นำสัญญาณโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล สัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้าไปสู่ชุมชนโดยไม่ต้องเดินสาย ดังนั้น ผู้ประกอบการในธุรกิจโทรคมนาคมย่อมสนใจในการเข้าไปเป็นผู้ได้รับสิทธิในการพาดสายเคเบิลใยแก้วและถ้ามีเพียงบริษัทเดียวที่สามารถเข้าไปดำเนินการได้จะกลายเป็น การผูกขาดธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้เลย

"แต่ถ้าแปรสภาพ กฟผ. ซึ่งมีบริษัทลูกที่ได้ตั้งมาแล้วชื่อ EGAT Telecom และถ้าแปรสภาพในส่วนระบบสายส่งไปด้วยก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่มีบริษัทเอกชนเพียงรายเดียวที่มีศักยภาพมากๆ จะไปควบคุมระบบสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศไทยในอนาคตได้ทั้งหมด ซึ่งถ้าเกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นจะอันตรายที่สุด และ ณ วันนี้ยังไม่มีหลักประกันใดๆ ที่จะทำให้สังคมมั่นใจว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้น" นายเกียรติ กล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.