ธปท.รอดูข้อมูลต้นทุนบัตรเครดิตก่อนตัดสินขยายเพดานดอกเบี้ยเพิ่ม


ผู้จัดการรายวัน(2 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

แบงก์ชาติ เผยชมรมบัตรเครดิตส่งเรื่องขออนุญาตให้ปรับขึ้น ดอกเบี้ยเพิ่มจาก 18% แล้วแต่ยังไม่สามารถพิจารณาเรื่องได้ เหตุรอดูข้อมูล ต้นทุนก่อนจะขึ้นดอกเบี้ยบัตรเครดิต ด้านผู้ว่าฯ ธปท. ชี้หากผู้ประกอบการยังทำ กำไรชนิดอยู่รอดได้ก็จะไม่อนุญาตให้ปรับขึ้น ขณะที่แบงก์กรุงเทพเข็น แคมเปญแจกคอนโดฯหรู 3 ยูนิต กระตุ้นยอดใช้จ่ายส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่

นายเกริก วณิกกุล ผู้ช่วยผู้ว่า การสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ชมรมบัตรเครดิตได้ส่งเรื่อง ขอขึ้นเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต มายัง ธปท. แล้ว โดยชมรมฯ ต้องการ ให้ ธปท.อนุญาตให้ขยับอัตราดอกเบี้ย บัตรเครดิตเพิ่มขึ้นอีกจาก 18% ที่ ธปท.กำหนด แต่ขณะนี้ทาง ธปท.ยังไม่สามารถพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้ เนื่องจากทางชมรมบัตรเครดิตยังไม่ได้ส่งข้อมูลต้นทุนการดำเนินการที่ แท้จริงของบริษัทบัตรเครดิตมาด้วย

"แบงก์ชาติจะต้องมีข้อมูลต้นทุน ของผู้ประกอบการบัตรเครดิตแต่ละรายก่อนว่ามากน้อยอย่างไรถึงจะพิจารณาได้ว่าควรจะยอมปรับขึ้นเพดานดอกเบี้ยบัตรเครดิตหรือไม่ เราได้ขอข้อมูลไปตั้งแต่ที่เขาขอให้เพิ่มเพดานดอกเบี้ยแล้ว แต่ถึงตอนนี้ทางชมรมบัตรเครดิตก็ยังไม่ส่งข้อมูล ต้นทุนมาให้ ซึ่งถ้ายังไม่ส่งต้นทุนที่แท้จริงมาให้ดูว่าเพิ่มขึ้น แสดงว่าเขา ยังอยู่ได้"นายเกริกกล่าว

อย่างไรก็ตาม หากในระยะต่อไปทางชมรมส่งต้นทุนการดำเนินงานที่แท้จริงมาให้ก็ต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าหากต้นทุนเพิ่มขึ้นจริงมีสาเหตุมาจากอะไร และมีทางอื่นในการลดต้นทุนหรือไม่ หรือจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยในการพิจารณา ของ ธปท. จะต้องให้ความยุติธรรมต่อทั้งผู้ประกอบการบัตรเครดิต และประชาชนเนื่องจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย บัตรเครดิตจะส่งผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งต้องรับภาระเพิ่มขึ้นไปด้วย

ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดการขอปรับขึ้นเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตของผู้ประกอบการ แต่หากมีการส่งราย-ละเอียดเพิ่มเติมมาจะต้องพิจารณาต้นทุนการดำเนินการว่า กำไรที่สามารถ ทำได้นั้นเพียงพอต่อความอยู่รอดหรือไม่ หากยังทำกำไรได้ดีในระดับหนึ่ง ธปท.จะไม่อนุญาตให้ปรับขึ้น แต่หากต้นทุนเพิ่มขึ้นจนเกิดปัญหาจริงๆ ก็ต้องมีการพิจารณาอีกครั้งเพื่อ แก้ไขปัญหา

สำหรับการที่มีประชาชน ฟ้องร้องกระทรวงการคลังและธปท. ในกรณีกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนบุคคลสูงสุดไว้ที่ 28% ซึ่งสูงกว่ากฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ ที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสถาบันการเงินให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นอนแบงก์) ไว้ที่ 15% นั้น ฝ่ายกฎหมายของ ธปท. ชี้แจงว่าการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ดังกล่าว ธปท. ทำตามกฎหมายของกระทรวงการคลังที่ดูแลนอนแบงก์ที่ออกมาว่าให้นอนแบงก์คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประชาชนในอัตราที่กฎหมาย กำหนด และรวมคิดค่าธรรมเนียมต่างๆ ได้อีกไม่เกินอัตราที่ ธปท. กำหนด

ดังนั้น นอนแบงก์สามารถคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากประชาชนได้ไม่เกิน 15% แต่จะรวมค่าธรรมเนียมต่างๆ ได้อีกไม่เกิน 13% รวมเป็นไม่เกิน 28% ตามที่ ธปท.กำหนด ซึ่งถือว่าเป็นการออกประกาศตามกฎหมายกระทรวงการคลัง และไม่ผิดหลักของ กฎหมายกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ย ของกระทรวงพาณิชย์

นายอภิชาต นันทเทิม กรรมการ บริหาร บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่ ธปท. ปรับดอกเบี้ยนโยบาย หรืออาร์/พี รวมประมาณ 2% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น ธปท.น่าจะพิจารณา ปรับเพิ่มเพดานอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตและสินเชื่อเช่าซื้อขึ้นไปใน อัตราเท่าๆ กับที่ดอกเบี้ยอาร์พีเพิ่มขึ้น

"ที่ผ่านมาดอกเบี้ยสินเชื่อทุกประเภทปรับเพิ่มขึ้น ยกเว้นบัตรเครดิตเพดานดอกเบี้ยตันอยู่ที่ร้อยละ 18 ต่อปี ส่งผลให้จำนวนบัตรเครดิตในปีนี้เพิ่มขึ้นน้อยมาก เพราะว่าในการ ให้บริการในกลุ่มบางอาชีพมีต้นทุนสูงกว่า" นายอภิชาตกล่าว

ด้านนายโชค ณ ระนอง ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกแคมเปญผูกใจลูกค้าบัตรเครดิตและบัตรบีเฟิสต์ โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถชิงโชคคอนโดฯ สไตล์โมเดิร์นลีฟวิ่งที่ตกแต่งพร้อมอยู่ ของโครงการ "I House" บนถนนเอกมัย-พระราม 9 สุดหรู 3 หลัง และ บัตรกำนัลมูลค่ารวม 10 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่ใช้จ่ายผ่านบัตรในช่วง 1 พ.ย. 48-31 ม.ค.49 โดยทุก 1,000 บาท ถือเป็นหนึ่งสิทธิในการลุ้นรับรางวัล แต่ละเดือน ดังนี้คือ ห้องชุดตกแต่งเสร็จพร้อมอยู่จากโครงการ i-House ของบริษัท ซิตี้เรียลตี้ จำกัด มูลค่า 1.8 ล้านบาท 1 รางวัลต่อเดือน และบัตรกำนัลมูลค่า 5,000 บาทอีก 300 รางวัล

การจัดแคมเปญดังกล่าวเป็น การกระตุ้นให้ลูกค้ามีการใช้จ่ายผ่านบัตรช่วงส่งท้ายปีและการต้อนรับปีใหม่ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้า จำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าบัตรบีเฟิสต์ ที่เป็นบัตรเดบิตที่ธนาคาร มีฐานลูกค้ากว่า 5,000,000 บัตร รับสิทธิพิเศษนี้ด้วย จากเดิมที่ ลูกค้าบัตรเดบิตส่วนใหญ่ยังไม่ทราบถึงสิทธิประโยชน์และการใช้บัตรเดบิตที่สามารถรูดใช้จ่ายซื้อสินค้าได้มากกว่าการใช้เป็นบัตรเอทีเอ็มในการกดเงินสด โดยคาดว่าแคมเปญ ดังกล่าวจะเพิ่มยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรบีเฟิสต์ขึ้นประมาณ 30% จากปีที่ ผ่านมา

สำหรับบัตรเครดิตนั้น ธนาคารได้ออกแคมเปญกระตุ้นยอดสมาชิกและยอดการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดย ที่ผ่านมามีการแจกรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ และล่าสุดแจกคอนโดฯ ซึ่งมั่นใจว่าลูกค้าจะสนใจ มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีฐานบัตรเครดิตอยู่ที่ประมาณ 700,000 บัตร ซึ่ง เชื่อว่าภายในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 750,000 บัตรตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน เนื่องจากในปีนี้ธนาคารได้จัดแคมเปญกระตุ้นการใช้บัตรอย่างต่อเนื่อง ทำให้มียอดสมัครต่อเดือนเข้ามาเป็นจำนวนมาก และมียอดอนุมัติถึง 20,000 บัตรต่อเดือน อย่างไรก็ตาม ธนาคารคาดว่าในปี 2549 อัตราการขยายตัวของธุรกิจบัตรเครดิตอาจจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากยังคงมีข้อจำกัดจากกฎเกณฑ์ของ ธปท.


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.