แบงก์นอกระดมเงินฉุดดอกเบี้ยพุ่ง'ชาตรีชี้'เกิน7%กระทบการจ่ายหนี้


ผู้จัดการรายวัน(2 พฤศจิกายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

บิ๊กแบงก์กรุงเทพ "ชาตรี โสภณพนิช" ชี้แบงก์ต่างชาติเร่งระดมเงินฝาก ดึงดอกเบี้ย แบงก์ไทยต้องปรับรักษาฐานลูกค้า ตามการแข่งขัน กระทบรายได้ไตรมาสแรกปีหน้า เร่งหารายได้อื่นทดแทน มั่นใจทั้งปีผลกระทบการเติบโตใกล้เคียงปีนี้ เชื่อดอกเบี้ยน่าจะขยับขึ้นอีกเล็กน้อย เหมาะสมเงินฝากที่ 3-5% เงินกู้ ระดับ 6-7% หากสูงเกินกระทบต่อความสามารถชำระหนี้ พร้อมเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง แนะทางการคุมเงินเฟ้อไม่ควรเกิน 6%

นายชาตรี โสภณพนิช ประธาน กรรมการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร พาณิชย์ ว่า ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่มีการปรับขึ้นตามการแข่งขันที่ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศหันมาระดมเงินฝากในประเทศ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ไทยจำเป็นต้องปรับดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นตามการแข่งขัน เพื่อรักษาฐานลูกค้าของธนาคารไว้

ทั้งนี้ ในอดีตที่ผ่านมาหากธนาคารพาณิชย์ต้องการเงินระยะสั้นจะใช้เงินจากอินเตอร์แบงก์ แต่ปัจจุบันธนาคารจะใช้การระดม เงินฝากเอง ซึ่งจากการปรับดอกเบี้ย เงินฝากดังกล่าว อาจจะส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนธนาคารเพิ่มขึ้น และส่งผลให้รายได้ของธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 1 ปี 2549 ลดลงบ้าง

"ต้นทุนของแบงก์เริ่มขยับขึ้น จากการปรับดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อรักษาฐานลูกค้า ซึ่งจะมีผลต่อลูกค้า ประมาณ 1-2 วัน และมีผลต้นทุนเร็วกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ ที่ต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งในการประกาศ เพื่อไม่ให้กระทบกับลูกค้าได้ในอนาคต ซึ่งต้องยอมรับว่ามีผลต่อรายได้ไตรมาสแรกปีหน้าแน่นอน" ประธานกรรมการ กล่าว

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลประกอบการของธนาคารในปีหน้าคงจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีนี้ เนื่องจากธนาคารจะเร่งหารายได้จากส่วนอื่นๆ เข้ามาทดแทนรายได้ที่หายไป และยังต้องเร่งติดตามหนี้สินที่บางส่วนต้องตัดขายหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ออกไป เพื่อลดภาระและสามารถนำเงินเข้ามาเป็นรายได้ของธนาคารอีกทางหนึ่ง ส่งผลให้รายได้รวมของธนาคารไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
สำหรับอัตราดอกเบี้ยนั้น มองว่าอัตราดอกเบี้ย เงินกู้ที่เหมาะสมควรจะอยู่ในระดับ 6-7% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่เหมาะสมควรจะอยู่ระดับ 3-5% โดยหากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นสูงกว่าระดับนี้จะก่อให้เกิดความเสียหาย และกระทบกับลูกค้าไม่ สามารถชำระหนี้ได้ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยในระบบจะปรับขึ้นอีกไม่มาก เพราะปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย บาทกับดอกเบี้ยดอลลาร์อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันมาก โดยระดับปัจจุบันมองว่าเหมาะสมแล้ว

ส่วนภาวะเศรษฐกิจของไทยยังคงขยายตัว อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2549 เศรษฐกิจจะมีอัตราการขยายตัวใกล้เคียงกับปีนี้ หากราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับประมาณ 60 เหรียญสหรัฐ ต่อบาร์เรล เศรษฐกิจไทยน่าจะรับได้ แต่ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อได้ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่ราคาสินค้าปรับราคาตามเงิน เฟ้อ คาดว่าในปีหน้าเงินเฟ้อควรที่จะอยู่ในระดับ 5-6% เพื่อประคองให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ต่อเนื่อง

เดินหน้าลดการถือหุ้นบง.สินเอเซีย

ด้านความคืบหน้าลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทเงินทุน (บง.) สินเอเซีย จำกัด (มหาชน) ที่ธนาคารถืออยู่ เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์ของธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น นายชาตรี กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารได้มีการปรับลดสัดส่วนการถือหุ้นลง จากเดิมที่ถืออยู่ 27.5% โดยที่ผ่านมาธนาคารได้ขายหุ้นสัดส่วน 7.5% ให้กับเจ้าหน้าที่พนักงานของบริษัทจำนวน 2% และให้กับนักลงทุนที่สนใจ 5% ทำให้ปัจจุบันธนาคารเหลือหุ้นใน บง.สินเอเซีย 20% ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้ทำไว้กับกระทรวงการคลัง โดยธนาคารมีเวลาในการขายหุ้นที่เหลืออยู่จำนวน 20% ออกไปในเวลา 2 ปี ซึ่งปัจจุบันธนาคารยังไม่คิดที่จะขายและยังไม่มีผู้ติดต่อเข้ามาเพราะยังมีเวลาก่อนที่จะครบกำหนด


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.