|
ฮอนด้ายอดวูบ1.5หมื่นคัน
ผู้จัดการรายวัน(2 พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"ฮอนด้า" ยอดขายวูบ ลดเป้า ปีนี้ 1-1.5 หมื่นคัน เหตุคนหันไปใช้ปิกอัพโทดะ สวนหมัดรัฐมนตรีอุตสาหกรรมโตโยต้า พึ่งพาปิกอัพเพียงอย่างเดียวพาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเสี่ยง! บี้รัฐทบทวนแนวคิดชะลอผลักดันเก๋งขนาดเล็ก เป็นโปรดักต์แชมเปี้ยนคู่ปิกอัพใหม่ เหตุแนวโน้มตลาดเติบโตสูงมาก เผยเตรียมส่ง "ซีวิค โฉมใหม่" กู้ยอด 15 พ.ย.นี้
นายฮิโรชิ โทดะ ประธานบริษัทฮอนด้าออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ปีนี้น่าจะมียอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 6.9 แสนคัน หรือเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่แล้ว ซึ่งอัตราการเติบโตดังกล่าวมาจากตลาดปิกอัพที่มียอดขาย เพิ่มขึ้นกว่า 25% และมีสัดส่วนตลาดมากถึง 62% ขณะที่รถยนต์นั่ง หรือเก๋ง กลับมียอดขายลดลงจากปีก่อน 13% เนื่องจากลูกค้าได้หันมานิยมใช้ปิกอัพมากขึ้น เพราะปัจจุบันปิกอัพได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น โดยเฉพาะคุณภาพห้องโดยสารที่มีความสะดวกสบายเทียบเท่ากับรถเก๋ง
"ส่วนการส่งออกก็มีอัตราเติบโตดีเช่นกัน โดยตลอด 9 เดือนแรกของปีนี้ มียอดส่งออกรถยนต์ 3.12 แสนคัน เพิ่มขึ้น 32% รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์ และชิ้นส่วนมากกว่า 2.13 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 50% แต่ภายใต้ตัวเลขดังกล่าวเกือบ 74% มาจากยอดส่งออกปิกอัพ ซึ่งฮอนด้าเห็นว่า หากพึ่งพาผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่งมากเกินไป ค่อนข้าง ที่จะเสี่ยง ไม่ว่าจะในอุตสาหกรรมใดก็ตาม และที่สำคัญตลาดปิกอัพทั่วโลกยกเว้นสหรัฐอเมริกา มีเพียง 1.2 ล้านคันเท่านั้น ดังนั้นประเทศไทยจึงควรจะมองหาโปรดักต์แชมเปี้ยนที่สอง มาสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืน และรถเล็กก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด"
เหตุผลของการสนับสนุนรถขนาดเล็ก เป็นโปรดักต์แชมเปี้ยนที่สอง คู่กับปิกอัพ มาจากการเล็งเห็นจากความนิยมในรถขนาดเล็กของกลุ่มผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีผลมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะยังไม่ปรับลดลงไปมากกว่านี้ แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาที่ผู้คนนิยมรถคันใหญ่ ส่วนแบ่งของตลาดรถยนต์ขนาดเล็กยังพุ่งสูงขึ้นเกือบ 35% ขณะเดียวกันประเทศญี่ปุ่น ที่รถเล็กเป็นที่นิยมอยู่แล้วมีแนวโน้มว่าจะนิยมรถที่มีขนาดเล็กลงไปอีก
นายโทดะกล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทย อนาคตน่าจะได้เห็นการนำรถขนาดเล็กออกสู่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากรถเล็กที่จะออกมามีความแตกต่างจากรถเล็กในอดีตไม่ว่าจะเป็นห้องโดยสารที่กว้างขวาง อุปกรณ์และการตกแต่งครบครันเช่นเดียวกับรถหรู ทำให้ผู้บริโภคหันมาพิจารณาซื้อรถขนาดเล็ก สองคัน จากที่ใช้รถขนาดใหญ่คันเดียวต่อครอบครัว ซึ่งเห็นได้จากแนวโน้มในหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา และคาดว่าแนวโน้มในประเทศก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ส่วนที่รัฐมนตรีอุตสาหกรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เห็นว่ารถเล็กยังไม่มีความจำเป็นต้องผลักดัน นั่นก็เป็นความเห็นอีกอย่างหนึ่ง แต่ในส่วนของฮอนด้า ยังยืนยันว่ารถเล็กมีความเหมาะสมที่จะเป็นโปรดักต์แชมป์เปี้ยนคู่กับปิกอัพ จากเหตุผลที่กล่าวมา ขณะที่มีค่ายรถบางยี่ห้อไม่เห็นด้วยกับการกำหนดสเปกรถ จะเป็นการขัดขวางการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ ฮอนด้ามองว่าหากไม่มีการกำหนด ก็จะทำให้ไม่มีความชัดเจนของรถเล็ก หรือการที่จะผลักดันให้เป็นโปรดักต์แชมป์เปี้ยนได้ ซึ่งกลายเป็นว่ามีความหลากหลายจนแยกไม่ออก
นายโทดะ กล่าวต่อว่า ในส่วนของฮอนด้าขอสนับสนุนรถขนาดเล็ก และเรื่องนี้ไม่ใช่ฮอนด้าเป็นผู้ผลักดันมาแต่ต้น เป็นนโยบายของรัฐมาก่อนแล้ว และฮอนด้าก็พร้อมที่จะดำเนินนโยบาย แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปจากรัฐบาลจึงยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะผลิตรถเล็กหรือไม่ แต่มองเห็นว่าเป็นรถที่มีแนวโน้มที่มีอัตราการเติบโตสูง ไม่ว่าจะตลาดในไทยหรือ ทั่วโลก ซึ่งหากไทยต้องการจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 9 ของโลก ภายในปี 2553 ตามที่รัฐบาลได้วางแผนไว้ รถยนต์ขนาดเล็กก็น่าจะมีความ เหมาะสม ที่จะผลักดันให้เป็นโปรดักต์แชมเปี้ยนคู่กับปิกอัพมากที่สุด
"อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดรถยนต์นั่งของไทยที่ลดลง เป็นผลมาจากผู้บริโภคหันมาใช้ปิกอัพมากขึ้น จากประสิทธิภาพเทียบเท่าเก๋งแล้ว ราคาน้ำมันดีเซลที่ถูกกว่าเบนซินก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง แต่ฮอนด้าที่มุ่งเน้นเฉพาะการผลิตรถเก๋ง ปีนี้จึงนับว่ามีผลกระทบมาก ทำให้คาดว่า เราจะมียอดขายประมาณ 6.0-6.5 หมื่นคัน หรือลดลงจากเป้าที่วางไว้เมื่อต้นปี 1.0-1.5 หมื่นคัน ซึ่งเป็นผลมาจากการถูกแย่งตลาดจากปิกอัพเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่เกิดจากกรณีลูกค้าทุบรถฮอนด้า ซีอาร์วีแต่อย่างใด"
ทั้งนี้ เพื่อผลักดันให้ยอดขายรถฮอนด้ากลับมาเติบโตเช่นเดิม ในวันที่ 15 พ.ย.นี้ บริษัทฯ จะแนะนำเก๋งขนาดคอมแพกต์ ฮอนด้า ซีวิค โฉมใหม่ เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร i-VTEC ใหม่ ที่มีความโดดเด่นในด้านสมรรถนะในการขับเคลื่อนที่ทรงพลัง และความประหยัดน้ำมันในระดับเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรสู่ตลาด
สำหรับการลงทุนของรถยนต์ฮอนด้าในประเทศไทยมีอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2548 นี้ ฮอนด้า มีการลงทุนในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 2,842 ล้านบาท การลงทุนนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งในการส่งเสริมและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับประเทศ ไทยในฐานะดีทรอยต์ ออฟเอเชีย ซึ่งปัจจุบันฮอนด้าเป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์นั่งอันดับสองของประเทศไทย โดยปีนี้คาดว่าจะส่งออกรถยนต์ประมาณ 4.7 หมื่นคัน จากไทย และสร้างรายได้จากการส่งออกประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 16%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|