การลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย ของสมชาย สกุลสุรรัตน์
ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากสาเหตุใด ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงประการหนึ่งคือ คนที่มีประสบการณ์อย่างสมชายในวงการธนาคารพาณิชย์ของไทยนั้น
มีอยู่ไม่กี่คน
เขามีโอกาสผ่านประสบการณ์การเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคารถึง 3 แห่งด้วยกัน
สมชายเคยเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรี อยุธยา และธนาคารศรีนคร
ก่อนที่จะมารับตำแหน่งที่ธนาคารทหารไทย
"ผมเป็นกรรมการผู้จัดการแบงก์มาแล้วถึง 7 ปี ตอนนี้จึงต้องการหยุดพักบ้าง"
เขาให้เหตุผลในวันแถลงข่าวการลาออก
สมชายเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารทหารไทย เมื่อวันที่ 1
กรกฎาคม 2543 โดยการชักชวนของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก
ในฐานะรองประธานกรรมการ โดยตามสัญญาจ้างงานนั้น เขาจะต้องรับตำแหน่งนี้ไปจนถึงเดือนเมษายน
2546 แต่เขาใช้วิธีไม่ต่อสัญญา และขอลาออกก่อนกำหนด
สมชายเข้ามาในแบงก์ทหารไทยในช่วงที่แบงก์แห่งนี้กำลังมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่
หลังจากเขาเข้ามา 3 เดือน วันที่ 1 ตุลาคมปีเดียวกัน ทวี บุตรสุนทร ซึ่งขณะนั้นยังเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ได้ถูก พล.อ.วิมล วงศ์วานิช ประธานคณะกรรมการธนาคาร ชักชวนให้มาเป็นประธานกรรมการบริหาร
พร้อมเงื่อนไขพิเศษที่กองทัพจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารภายในธนาคาร
โดยมอบอำนาจสิทธิ์ขาด ให้กับทวี
ทวี บุตรสุนทร ถือเป็นผู้บริหารมืออาชีพที่เน้นในเรื่องความโปร่งใส และจริยธรรมในการบริหารองค์กรมากที่สุดผู้หนึ่งในประเทศไทย
ช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ยังเป็นช่วงที่สถาน การณ์ของธนาคารไทยยังไม่ค่อยดีเท่าใดนัก
ผลประกอบการงวดสิ้นสุดปี 2542 ขาดทุนสุทธิ 11,623.72 ล้านบาท และยังขาดทุนหนักขึ้นในปีต่อมาอีก
25,063.83 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานของธนาคารทหารไทย เพิ่งจะเริ่มมีกำไร ในปี 2544 จำนวน 655.46
ล้านบาท และในครึ่งแรกของปีนี้ ยังมีกำไรต่อเนื่องอีก 456.59 ล้านบาท แต่ผลประกอบการไตรมาส
3 สิ้นสุด 30 กันยายนที่ผ่านมา กลับมาขาดทุนอีกครั้งจำนวน 1,625.69 ล้านบาท
ผลประกอบการที่กลับมาขาดทุนอีกครั้ง ผนวกกับแรงกดดันจากพนักงานบางส่วน
ที่มองว่าสมชายเคยบริหารงานผิดพลาด ในช่วงที่ยังอยู่ที่ธนาคารศรีนคร จนทำให้แบงก์ชาติต้องสั่งให้ไปรวมกับธนาคารนครหลวงไทยเมื่อตอนต้นปี
อาจมีส่วนต่อการตัดสินใจลาออกของสมชาย
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์บริหารในธนาคารพาณิชย์ถึง 3 แห่ง น่าจะทำให้สมชายเป็นคนที่มีข้อมูลในวงกว้าง
โดยเฉพาะ เรื่องราวของคนในวงการธุรกิจ รวมถึงสายสัมพันธ์ที่หลากหลาย กับคนที่เคยเป็นลูกค้าของธนาคารมาก่อน
คุณสมบัตินี้เชื่อว่าคนอย่างสมชาย น่าจะเป็นที่ต้องการตัวขององค์กรธุรกิจอีกหลายแห่ง