|
แคมเปญ 0% ส่งท้ายปี
นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ต้องถือว่าช่วงไตรมาส 4 เป็นโค้งสุดท้ายที่เร้าใจ มีสีสันและน่าจับตามองมากที่สุดของตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ เพราะปัจจัยลบที่ทยอยปรากฏขึ้นมามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ภาวะขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ย จนถึงตัวเลขเงินเฟ้อ ทำให้ทั้งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และสถาบันการเงินต้องพลิกตำรางัดกลยุทธ์มาใช้เพื่อช่วงชิงลูกค้าให้ได้มากที่สุดในช่วงนี้
คู่พันธมิตรเหนียวแน่นอย่างธนาคารกรุงศรีอยุธยาและลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ก็เช่นกัน หลังจากร่วมมือกันจัดแคมเปญในปีนี้มาครั้งหนึ่งแล้วในเดือนพฤษภาคม คราวนี้ธนาคารกรุงศรีฯ ทุ่มสุดตัวด้วยการปล่อยสินเชื่อเคหะดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือนให้กับลูกค้าโครงการลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ที่ขอสินเชื่อจากธนาคารกรุงศรีฯ ไม่ต่ำกว่า 70% ของราคาขายและโอนบ้านภายในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ โดยสินเชื่อดังกล่าวมี 3 รูปแบบด้วยกัน แบบแรก ดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน หลังจากนั้นคิดดอกเบี้ย MLR-1% ตลอดอายุสัญญา แบบที่สอง ดอกเบี้ย 1% นาน 12 เดือน และ MLR-1% ส่วนแบบสุดท้ายคิดดอกเบี้ย 2.75% 12 เดือน หลังจากนั้นคิดที่ MLR-1% เช่นกัน
"ถ้าเป็นสถานการณ์ทั่วไปอัตราดอกเบี้ยขนาดนี้ถือว่าปกติ แต่ในช่วงที่ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างนี้ ถือว่าเป็นอัตราที่พิเศษ" ชาลอต โทณวณิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยากล่าว และยอมรับว่าแคมเปญในครั้งนี้ออกมาเพื่อที่จะผลักดันยอดปลายปีทั้งของธนาคารและลลิลฯ
ธนาคารกรุงศรีฯ คาดว่าจะได้ยอดสินเชื่อจากแคมเปญนี้ราว 400 ล้านบาท จากบ้าน 12 โครงการของลลิลฯ ที่สร้างและพร้อมโอนจำนวน 140 ยูนิต ซึ่งจะทำให้ยอมรวมการปล่อยสินเชื่อเคหะในปีนี้ทำได้ตามเป้าที่ 18,000 ล้านบาท
ส่วนในปีหน้าธนาคารกรุงศรีฯ ก็จะยังคงนโยบายจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจต่อเนื่องจากปีนี้ เนื่องจากตลาดสินเชื่อเคหะมีการแข่งขันสูง โดยในปีนี้สินเชื่อเคหะมีการขยายตัว 16% แต่ชาลอตคาดว่าในปีหน้าการขยายตัวจะอยู่ที่ 10% เท่านั้น ทำให้การแข่งขันจะมีมากขึ้น
"ปีหน้าแบงก์จะแย่งเค้กกันเอง ก็อยู่ที่ว่าใครจะผูกกับพันธมิตรได้เยอะกว่ากัน" ชาลอตกล่าว
ขณะเดียวกันภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อเคหะของธนาคารมีสูงขึ้นด้วยการเลือกจับมือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพก็เป็นการลดความเสี่ยงของธนาคารอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากการพิจารณาฐานะและความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้า เพราะหากลูกค้ามีปัญหาในการผ่อนชำระ ตัวบ้านที่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันก็จะสามารถนำมาขายต่อได้ง่าย
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|