|

“Budget”เปิดแนวรุกตลาดรถเช่าหมื่นล้าน
ผู้จัดการรายสัปดาห์(28 ตุลาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
-เม็ดเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านบาทที่หมุนเวียนในแต่ละปีของธุรกิจรถเช่า ต่างยั่วน้ำลายผู้ประกอบการทั้งไทยและเทศเป็นยิ่งนัก การแข่งขันเพื่อขอเข้าไปมีส่วนแบ่งทางการตลาดกับธุรกิจนี้จึงมีค่อนข้างสูง
-ขณะที่ภาวะทางเศรษฐกิจผันผวน ราคาน้ำมันที่ถีบตัวสูงขึ้น ส่งผลทำให้พฤติกรรมการซื้อรถใช้เองลดน้อยลงไปและเปลี่ยนหันไปใช้บริการรถเช่าที่มีมากกว่า 8 หมื่นคันแทน
-ว่ากันว่า อัตราการเติบโตของตลาดรถเช่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละประมาณร้อยละ 10
ภาพการแข่งขันของธุรกิจรถเช่าในประเทศไทยมีค่ายยักษ์ใหญ่อยู่ประมาณ 4 แบรนด์ ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยภายในประเทศกว่า 70 ราย ทำให้ทิศทางของการแข่งขันเรื่องของราคาคือตัวปัญหาที่สร้างความผันผวนทางตลาดทำให้บริษัทรายย่อยเหล่านั้นไม่สามารถดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่อง
การปรับตัวของค่ายยักษ์ใหญ่จึงหันไปใช้การพัฒนาคุณภาพด้านบริการและคุณภาพของรถเป็นหัวใจหลัก ขณะที่การขยายสาขาทั่วประเทศเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าคือจุดแข็งที่จะสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายย่อยได้อีกเช่นกัน
"Budget" รุกตลาด
“เราเชื่อว่าตลาดรถเช่าระยะยาวจะเติบโต ขึ้นมาก เนื่องจากภาครัฐเองก็หันมาเน้นการเช่ามากกว่าการซื้อรถ ขณะที่เอกชนก็เริ่มมองไป ที่เรื่องของการควบคุมต้นทุนในภาวะที่ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้น ทำให้เชื่อว่าตลาดรถเช่าระยะยาวน่าจะขยายตัวได้มาก เราจึงปรับตัวมาเน้นทางด้านนี้ แต่จะไม่เล่นนโยบายราคาอย่าง แน่นอน ประกอบกับภาพลักษณ์ของบัดเจ็ทเองก็ได้รับความเชื่อถือจากลูกค้ามาโดยตลอด”ทัศนะของ วันชัย ตั้งพานิชดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์คลาส เรนท์ อะคาร์ จำกัด ผู้ให้บริการเช่า Budget
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดรายได้ ทั้งหมด 404 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 460 ล้านบาทในปีนี้ และคิดเป็นอัตราการขยายตัวราว 14% สำหรับในปีหน้า ก็คาดว่าจะเพิ่มยอดขายได้อีกไม่น้อยกว่า 15% หรือมีรายได้ ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท เป็นปีแรกหลังทำธุรกิจในประเทศไทยมาครบ 10 ปีในปีนี้
ขณะเดียวกันการตั้งเป้าที่จะเป็นมากกว่าบริษัทให้เช่ารถในประเทศไทย โดยจะปรับบทบาทของบริษัทให้เป็น transportation solution ที่รับหน้าที่ดูแลและแก้ปัญหาในเรื่องการจัดการด้านรถยนต์ทั้งหมดของบริษัท โดยบริการที่บริษัทเสนอให้กับลูกค้าจะมีตั้งแต่การให้บริการเช่าซื้อระยะสั้นและยาว การดูแล รถยนต์ที่ใช้ภายในองค์กรทั้งหมด ซึ่งลูกค้า ไม่ต้องลงมาดูแลเองและทำให้สามารถกำหนด ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ล่วงหน้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำธุรกิจของบริษัท
ด้วยจำนวนรถที่มีมากกว่า 1,600 คัน และสาขาเครือข่าวครอบคลุมทั่วประเทศ รวมทั้งเสริมด้วยกลยุทธ์ใหม่ขยายฐานไปสู่กลุ่มลูกค้าบริษัทที่เป็นกลุ่มที่เช่ารถเป็นประจำทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเพิ่มการบริการรถเช่าพร้อมคนขับ และบริการรถลีมูซีนในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ คือจุดขายที่ กลุ่ม Budget หยิบนำมาใช้เป็นเครื่องมือการตลาดที่จะต่อสู้ในธุรกิจปี 49
กรรมการผู้จัดการ Budget กล่าวถึงปัจจุบันว่าบริษัทฯ มีสาขา 22 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศมากที่สุด ให้บริการรับจองรถผ่านศูนย์รับจองระบบออนไลน์ซึ่งเป็นแห่งเดียวในประเทศไทย รถใหม่สภาพดีอายุไม่เกิน 18 เดือน มีทั้งรถเก๋ง กระบะ รถขับเคลื่อน 4 ล้อ และรถตู้ ให้บริการทั้งเช่าระยะสั้น คือ ตั้งแต่ 1 วัน - 5 เดือน และระยะยาวตั้งแต่ 6 - 48 เดือน โดยในปี 2547 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขาย 404 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรถเช่าระยะสั้น 50% และรถเช่าระยะยาว 50%
"ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา Budget เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของรถเช่าระยะสั้น ในปีนี้ บริษัทฯ จะรุกตลาดต่อด้วยการขยายฐานไปสู่กลุ่มลูกค้าบริษัทที่เป็นกลุ่มที่เช่ารถเป็นประจำ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ให้เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีฐานลูกค้าบริษัทประมาณ 4,000 ราย" วันชัย กล่าวพร้อมกับเสริมอีกว่า
การเปิดให้บริการในแหล่งท่องเที่ยวทีสำคัญ คือ กรุงเทพ พัทยา ระยอง สมุย และภูเก็ต รวมทั้งจะมีการปรับเปลี่ยนจำนวนของรถยนต์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของลูกค้า ซึ่งขณะนี้ความต้องการจะเป็นรถรุ่นเล็ก และนิยมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก บริษัทฯ จึงได้เสริมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้มากขึ้น เช่น เครื่องเล่นซีดี ระบบเบรค ABS ถุงลมนิรภัย
ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังให้ความสำคัญกับการ่ารถระดับบน โดยมีรถยนต์รุ่นต่างๆ ไว้คอยบริการหลายรุ่น อาทิ ออดี เอ 6โฟคล์สวาเกน คาราเวล และโตโยต้า เอสติมา พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะติดตั้งระบบ GPS หรือ ระบบนำทางด้วยสัญญาณดาวเทียม ในรถระดับหรูทุกคัน และมีชุดกอล์ฟสำหรับลูกค้าที่มีความประสงค์จะออกรอบ ซึ่งบริการเสริมพิเศษนี้มีเฉพาะที่ Budget แห่งเดียว
วันชัย กล่าวอีกว่าอนาคตในปี 49 จะใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านบาท เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มใหม่ๆและปรับกลยุทธ์การให้บริการหลากหลายเพิ่มขึ้น กลยุทธ์การตลาดเชิงรุกดังกล่าว จะส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายในปี 2548 เพิ่มขึ้นเป็น 460 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 14%
สำหรับแผนกรตลาดของบริษัทฯในปีหน้า คาดว่าจะเพิ่มปริมาณรถอีกประมาณ 100 กว่าคัน รวมเป็น 1,700 คัน และตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 500 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ 450 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2547 ที่มีรายได้รวมประมาณ 404 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรถเช่าระยะสั้นและระยะยาวเท่ากัน 50% ส่วนประเภทรถบริการของบริษัทฯนั้นจะมีรถตู้ 10% รถกระบะ 15% ที่เหลือเป็นรถซีดาน และ
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|