|
ททท.ออกโรงโวยสำนักงบดองเงิน ทัวร์จีน-ญี่ปุ่นทวงค่าโฆษณาหวั่นไทยเสียหน้า
ผู้จัดการรายวัน(28 ตุลาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ททท.หวั่นไทยเสียภาพลักษณ์ เหตุบริษัทนำเที่ยวจีน-ญี่ปุ่น ที่ทำสัญญาออกค่าโฆษณากันคนละครึ่งเริ่มทวงถามเงิน เพราะเลยกำหนดจ่ายแล้ว แต่ ททท.ยังให้คำตอบไม่ได้ เผยปัญหาใหญ่ คือ ททท.ยังไม่ได้รับเงินจากงบกระตุ้นท่องเที่ยวพิเศษ 1.5 พันล้านบาทจากสำนักงบประมาณเลยแม้แต่บาทเดียว ทั้งที่ ครม.อนุมัติให้แล้ว และ รมว.ประชา ก็เซ็นไฟเขียว ไปตั้งแต่ ก.ค.ที่ผ่านมา เผยงานลอยกระทงก็ใช้งบประจำปี 2549 ขณะที่ งานเทศกาลโคมไฟนานาชาติ ที่หาดใหญ่ 30 ล้านบาท ก็ต้องควักงบ 49 เช่นกัน
นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เงินจากงบกระตุ้นท่องเที่ยวพิเศษที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ 1,500 ล้านบาท ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา จนบัดนี้ ททท.ยังไม่ได้รับเงินจากสำนักงบประมาณเลย ทั้งที่ส่งเรื่องขอเบิกเงินไปแล้วตั้งแต่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ นายประชา มาลีนนท์ ได้เซ็นอนุมัติ เมื่อมีการสอบถามไปยังสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ก็ได้รับคำตอบว่า อยู่ในขั้นตอนการทำงานและการพิจารณาเพราะจะต้องพิจารณาเป็นรายโครงการ เนื่องจากในงบ 1,500 ล้านบาท จะแบ่งเป็น 3 ส่วนการใช้เงิน คือ 1.งบกระตุ้นตลาดต่างประเทศ 800 ล้านบาท 2. งบกิจกรรมพิเศษเพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว 600 ล้านบาท และ 3.งบกระตุ้นตลาดในประเทศ ที่จะต้องจ่ายให้กับ ช่อง 9 อสมท. ในเรื่องของการจัดทำทัวร์ริสต์แชนแนล จำนวน 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ ททท. ก็เข้าใจว่าการเบิกจ่ายเงินต้องเป็นไปตามขั้นตอนและระเบียบราชการ แต่ที่ร้อนใจ คือเงินที่ใช้ในการกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนและญี่ปุ่น ซึ่งจะต้องใช้ตลาดละ 340 ล้านบาท และ 253 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งส่งเรื่องเบิกไปตั้งนานแล้วแต่ก็ยังไม่ได้เงินมา ซึ่งเงินจำนวนนี้ ททท. จะต้องไปจ่ายค่าโฆษณาเพราะททท.ได้ทำสัญญาตกลงที่จะทำการตลาดร่วมกับบริษัทนำเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ ด้วยการแบ่งรับผิดชอบค่าโฆษณากันคนละครึ่ง ซึ่งบริษัททัวร์เขาก็ยินดี และได้ลงโฆษณาแบบฮาร์ดเซลล์ โปรโมชันไปแล้วเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทย พร้อมกับออกค่าใช้จ่ายในส่วนแรกไปก่อนแล้วและส่วนครึ่งหลัง ททท.จะเบิกงบประมาณไปจ่ายให้ ซึ่งก็เลยกำหนดจ่ายเงินมาตั้งนานแล้ว
ถึงวันนี้ ททท.ได้รับการทวงถามจากบริษัทนำเที่ยวที่เราไปเซ็นสัญญาไว้ถึงเรื่องเงินที่จะนำไปจ่ายค่าโฆษณา แต่เรายังให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ว่าจะนำเงินไปจ่ายให้ได้เมื่อใด เพราะต้องรอเงินจากสำนักงบประมาณ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้เกรงว่าจะทำให้เอกชนหรือบริษัทนำเที่ยวในต่างประเทศขาดความมั่นใจที่จะทำงานร่วมกับเรา ส่งความเสียหายให้กับประเทศไทยได้ เพราะตั้งแต่ได้ตกลงกันไว้ เขาก็ทำตามข้อตกลงทุกอย่าง คือ ส่งนักท่องเที่ยวของทั้งจีนและญี่ปุ่นเข้ามาประเทศไทย ล่าสุดจีน ก็ยืนยันที่จะส่งนักท่องเที่ยวจากเซียงไฮ้มาเที่ยวไทยช่วงลอยกระทง 6,000 คน
ด้านนายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองว่าการ ททท. ฝ่ายกิจกรรม เปิดเผยว่า งบกิจกรรมพิเศษเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวที่ททท.ได้รับอนุมัติมา 600 ล้านบาท ซึ่งได้ยื่นเรื่องขอเบิกเงินไปยังสำนักงบประมาณแล้ว แต่ก็ยังได้ไม่รับเงินเลยซึ่งความจริงในกิจกรรมลอยกระทงหรืองาน “มหกรรมลอยกระทง สีสันแห่งสายน้ำ” ซึ่งงบจัดงานส่วนหนึ่งก็จะต้องมาจากงบกระตุ้นพิเศษเช่นกัน ก็ยังไม่ได้รับ ททท.จึงใช้งบจัดงานจากงบประจำปี 2549 ในวงเงิน 55 ล้านบาท ทั้งที่เฉพาะเทศกาลลอยกระทง ททท.ของบกระตุ้นพิเศษไว้ประมาณ 100 ล้านบาท เนื่องจากต้องการจัดให้เป็นเวิลด์อีเว้นต์ เช่นเดียวกับเทศกาลสงกรานต์ โดยทุกภาคของไทยจะต้องมีการจัดงานรื่นเริง
ควักกระเป๋าจัดเทศกาลโคมไฟ 30 ล.
แหล่งข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมอีกว่า ในส่วนของเทศกาลโคมไฟนานาชาติ หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่จะจัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 15-30 พ.ย.48 ซึ่ง ททท.ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยงานนี้เป็นหนึ่งในหลายๆกิจกรรม ที่ ททท. ทำขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว และต้องใช้เงินจากงบกระตุ้นพิเศษด้วย ในวงเงินประมาณ 30 ล้านบาท แต่ก็ยังเบิกเงินไม่ได้ แต่ ททท.ก็ยังยืนยันที่จะจัดงานดังกล่าว โดยอยู่ระหว่างเตรียมงาน ส่วนเงินจัดงานจะใช้จากงบประจำปี 2549 และขอรับสนับสนุนจากภาคเอกชนส่วนหนึ่ง
ทั้งนี้ ช่วงเทศกาลลอยกระทง ภาคเหนือ ภาคกลาง มีการจัดงานกันอย่างรื่นเริงใหญ่โต เราก็ต้องการให้ภาคใต้มีกิจกรรมในช่วงเทศกาลลอยกระทงด้วย แต่จะที่ไม่ใช้ชื่อว่าลอยกระทง เพราะ ภาคใต้ไม่มีตำนานเรื่องนี้ จึงมาตกลงกันที่เทศกาลโคมไฟนานาชาติ และเห็นว่า หาดใหญ่ เหมาะสมที่สุดที่จะใช้เป็นจุดจัดงาน โดยวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรื่นเริงให้กับคนไทยในพื้นที่ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงและนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งมี มาเลเซีย สิงคโปร์และอินโดนีเซียเป็นเป้าหมายหลักของงานนี้ ตั้งเป้าตลอดงานจะมีนักท่องเที่ยวเข้าชมงานไม่น้อยกว่าวันละ 20,000 คน แบ่งสัดส่วนเป็นคนไทย 40% และ ต่างชาติ 60%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|