ทุบ"สิงห์ พาราเทค"เดี้ยงท้ายตลาด


ผู้จัดการรายวัน(26 ตุลาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

"สิงห์ พาราเทค" ไม่รอดโดนทิ้งไม้สุดท้ายรูดกว่า 5% หลังแห่เก็งกำไรข่าวลูกค้ารายใหญ่ในอเมริกาเข้าถือหุ้น 12.50% หวังเพิ่มศักยภาพ เปรยเสียดายขาย 14.50 บาท ต่อหุ้นต่ำไป ด้านตระกูล "โบว์เสรีวงศ์" ยืนยันไม่ขายทิ้ง รักษาสัดส่วนพร้อมอำนาจในการบริหาร ฟุ้งมีต่างชาติอีกหลายรายสนใจหุ้นบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาและศึกษารายละเอียด

นายสมจิตร โบว์เสรีวงศ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ พาราเทค จำกัด (มหาชน) หรือ SINGHA กล่าวว่า บริษัทได้มีการทำบันทึกข้อตกลงในการซื้อหุ้นบมจ.สิงห์ พาราเทค กับ WESTCOAST INTERNATIONAL CO.,LTD. ซึ่งเป็นบริษัทจาก ทวีปอเมริกาและเป็นผู้ค้าไม้พื้นรายใหญ่ รวมถึง เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทในเขตประเทศอเมริกา โดยได้มีการลงนามข้อตกลงกันเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2548 และจะมีการวางเงินมัดจำ 10 ล้านบาทภายใน 2 สัปดาห์ และจะทำการซื้อขายหุ้นกันให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน นับจากวันที่ลงนามในข้อตกลง

ทั้งนี้ ได้มีการตกลงจะซื้อหุ้นจำนวน 40 ล้านหุ้น หรือ 12.50% ของทุนจดทะเบียน ในราคา 14.50 บาทต่อหุ้น โดยเป็นการติดต่อและซื้อหุ้นผ่านบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งการเข้ามาในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางการตลาดของบริษัทได้มาก ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงหรือการทำธุรกิจหลังการเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจะมีการหารืออีกครั้ง

"การเข้ามาถือหุ้นของลูกค้ารายใหญ่ อาจจะทำให้มีการเจรจาเพื่อขอเป็นเอเยนต์ใหญ่รายเดียวในอเมริกาก็ได้ โดยปัจจุบันบริษัทมีเอเยนต์ ในอเมริกาหลายบริษัท ซึ่งคงต้องศึกษาและหาข้อตกลงต่อไป" นายสมจิตรกล่าว

สำหรับ การขายหุ้นในจำนวนดังกล่าวเป็น การขายของกลุ่มคณะกรรมการของบริษัทบางคน รวมถึงผู้ถือหุ้นรายย่อยบางรายเท่านั้น ในส่วนของตระกูล "โบว์เสรีวงศ์" ไม่ได้มีการขายหุ้นออกไป โดยยืนยันว่าจะยังรักษาสัดส่วนการถือครองหุ้นเพื่อรักษาอำนาจในการบริหารงานของบริษัท

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจาก WESTCOAST INTERNATIONAL CO.,LTD. ยังมีนักลงทุนต่างชาติอีกหลายรายที่สนใจและมีการติดต่อเพื่อ ขอซื้อหุ้นของบริษัท ทั้งในส่วนของธุรกิจทางด้าน การเงิน ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาก่อนจะสรุปอีกครั้ง

"เราอยากให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเป็นผู้ที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน เพื่อจะได้เป็นการเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาบริษัทต่อไป ซึ่งขณะนี้มีหลายกลุ่ม ธุรกิจที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัท ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการศึกษารายละเอียดอีกระยะ" นายสมจิตร กล่าวอีกว่า ราคาที่มีการตกลงครั้งนี้ที่ 14.50 บาทต่อหุ้น หากเทียบกับราคาในปัจจุบันถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากการซื้อขายในจำนวนมากเหมือนในครั้งนี้ ราคาซื้อขายน่าจะได้สูงกว่าราคาที่ซื้อขายในกระดานมากกว่าระดับปัจจุบันที่ราคาอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน

ในส่วนของผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/48 อยู่ระหว่างการปิดงบทางบัญชี คาดว่าจะมีรายได้สูงกว่าในไตรมาส 2/48 และสูงกว่าช่วงเดียวกันเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเชื่อว่ารายได้ทั้งปีของบริษัทจะเป็นไปตามที่มีการตั้งเป้าไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้มั่นใจบริษัทจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีก 5 ปีและคาดว่าบริษัท จะมีการจ่ายเงินปันผลได้ปีละ 2 ครั้งจากผลประกอบการที่ดี

ด้านราคาหุ้น SINGHA วานนี้(25 ต.ค.) ปิดที่ 12.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 5.19% มูลค่าการซื้อขาย 835.91 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.