ทีดับบลิวแซดเคาะ3.70-4.10บ.


ผู้จัดการรายวัน(26 ตุลาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

หุ้นทีดับบลิวแซดเคาะช่วงราคา 3.70-4.10 บาท เตรียมสรุปราคาที่แน่นอนวันที่ 2 พ.ย. พร้อมเสนอขาย 7-9 พ.ย.นี้ เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ 18 พ.ย.นี้ ตั้งเป้าคุมหนี้สินต่อทุนไม่ให้เกิน 2 เท่า

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินหุ้นบริษัททีดับบลิวแซด คอร์ปอ-เรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กำหนดช่วงราคาหุ้นที่จะเสนอขายในระดับ 3.70-4.10 บาท โดยคาดว่าจะสามารถสรุปราคาที่แน่นอนได้ ภายในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งในระดับราคาดังกล่าว เป็นการคำนวณจากค่าพี/อี เรโช เปรียบเทียบกับกลุ่ม อุตสาหกรรมและบริษัทที่ประกอบธุรกิจเดียวกันซึ่งจะมีส่วนลดให้กับนักลงทุนที่จองซื้อหุ้น

ทั้งนี้ ในระดับราคาจอง 3.70 บาทจะมีค่าพี/อีเรโช ประมาณ 8.5 เท่า และถ้าระดับราคา 4.10 บาทนั้นจะมี ค่าพี/อีเรโชประมาณ 9.5 เท่า ขณะที่หุ้นกลุ่มสื่อสารนั้นมีค่าพี/อีเรโชประมาณ 14 เท่า

บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น นั้นจะเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 59 ล้านหุ้น โดยจะขายให้นักลงทุนสถาบัน 25% และที่เหลือให้ประชาชน ทั่วไป มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และอีกจำนวน 1 ล้านหุ้นจะเสนอขายให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทในราคาเดียวกับที่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป คาดว่าจะกระจายหุ้นได้ภายในวันที่ 7-9 พฤศจิกายนนี้ และหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้

สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้จะนำไปชำระหนี้ แต่เป็นการชำระไม่มากนักเพราะหนี้ของ บริษัทส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะสั้นหรือหนี้การค้าโดยหนี้สินรวมของบริษัทจะอยู่ในระดับ 440 ล้านบาทซึ่งแบ่งเป็นหนี้ระยะสั้นประมาณ 300 ล้านบาท ดังนั้นเงิน ที่ได้จากการระดมทุนส่วนใหญ่จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อนำไปซื้อสินค้าโดยใช้เป็นเงินสดในการซื้อซึ่งจะทำให้ได้ส่วนลดอีกด้วย
นายสมภพ กล่าวว่า จุดเด่นของ บมจ.ทีดับบลิว แซดคอร์ปอเรชั่น คือการที่ผู้บริหารมีประสบการณ์ใน ธุรกิจอย่างมาก จึงทำให้สามารถสั่งสินค้าได้ในจำนวน ที่เหมาะสมไม่มากเกินไปจนทำให้ต้องมีการตั้งสำรองนอกจากนี้ การจัดการสินค้าคงคลังก็เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสถานที่ตั้งของสาขาที่ให้บริการซึ่งมีจำนวน 26 แห่งถือว่าอยู่ในทำเลที่ดีคืออยู่ในห้าง-สรรพสินค้าหลายแห่งและในปีหน้าบริษัทก็มีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มขึ้นอีก

นายพุทธชาติ รังคสิริ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ทีดับบลิวแซดคอร์ปอ-เรชั่น เปิดเผยว่า รายได้ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับ 3 พันล้านบาทโดยในครึ่งปีแรกสามารถทำได้แล้วจำนวน 1.5 พันล้านบาทถึงแม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนการลงบันทึกยอดขายบัตรเติมเงินให้เป็นรูปแบบใหม่ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ยอดขายในไตรมาส 4 ลดลงแต่รายได้ค่าคอมมิชชันยังอยู่ในระดับสูง โดยรายได้หลักมาจาก การจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์มือถือโดยเชื่อว่าการขยายตัวของโทรศัพท์มือถือในปีหน้าจะมากกว่า 10%

ภายในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มเป็น 15 แห่งซึ่งได้เปิดไปแล้วจำนวน 2 แห่งและเชื่อว่าในปีนี้ จะสามารถเปิดได้ตามเป้าหมายเพราะสาขาที่จะเปิดส่วนใหญ่จะเป็นสาขาแบบเทเลวิซเอ็กซ์เพรส ซึ่งถือว่าไม่ใหญ่มากนัก โดยคาดว่าจะเปิดจำนวน 8 แห่ง โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณสาขาละ 5-8 แสนบาท ส่วนสาขาเทเลวิซแบบเต็มรูปแบบจะใช้เงินลงทุนสาขาละประมาณ 1-3 ล้านบาท โดยจะเปิดจำนวน 2 แห่งและเปิดร้านทีดับบลิวแซด 3 แห่ง โดยปัจจุบันนี้สัดส่วนรายได้ของบริษัทจะมาจากการขายปลีกจำนวน 25% ส่วนอีก 75% นั้นจะมาจากการขายส่ง

นายเขตรัตน์ ชื่นมั่น ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี บมจ. ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า อัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวมได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2547 อยู่ในระดับ 3.04% และในครึ่งปีแรกปี 2548 อยู่ในระดับ 3.28% ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะอยู่ในระดับ 3% โดยในส่วนของ อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันจากปี 2547 อยู่ในระดับ 31.13% และในครึ่งปีแรกอยู่ในระดับ 43.97%

สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทในปี 2547 อยู่ที่ 58.06 ล้านบาทและในครึ่งปีแรก 2548 อยู่ที่ 51.89 ล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับทั้งปีของปีก่อนในส่วนของสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ในครึ่งปีแรกปี 2548 อยู่ในระดับ 1.74 เท่าซึ่งหลังจากการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปแล้ว คาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 0.8-1%และบริษัทจะพยายามควบคุมไม่ให้อยู่ในระดับที่เกิน 2 เท่า


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.