|
คิงเพาเวอร์พุงกางกินรวบสัมปทาน ดิวตี้ฟรี-โฆษณาภายในสุวรรณภูมิ
ผู้จัดการรายวัน(25 ตุลาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ทอท.สรุปให้คิง เพาเวอร์รับสัมปทานโฆษณาภายในอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิ อ้างพื้นที่ทับซ้อนกับดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ได้ สัมปทานไปแล้ว แบ่งพื้นที่นอกอาคารเปิดประมูล ส่วนที่จอดรถ ช่วงแรกทำเองแต่จ้างเอกชนเก็บ เพื่อเก็บตัวเลขรายได้เป็นราคากลางก่อนประมูลหลังเปิด 1 ปี "ทักษิณ" ประชุมกทภ.วันนี้ ติดตามแผนโยกย้ายจากดอนเมือง ไปสุวรรณภูมิและการตั้งนครสุวรรณภูมิ
แหล่งข่าวจากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการพิจารณารายได้เชิงพาณิชย์ ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีนายศรีสุข จันทรางศุ เป็นประธานได้สรุปหลักการในการให้สัมปทานเกี่ยวกับป้ายโฆษณาในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนคือ พื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสาร ใช้วิธีการพิจารณาพิเศษพิจารณา ซึ่งโดยคาดว่าจะให้บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เนื่องจากพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่ บริษัท คิงเพาเวอร์ฯ ดำเนินการด้านร้านค้าปลอดภาษี หรือ ดิวตี้ฟรี ซึ่งหากให้รายอื่นเข้าไปดำเนินการเรื่องโฆษณา อาจเกิดปัญหาความซ้ำซ้อนของ พื้นที่ได้ ส่วนพื้นที่ด้านนอกอาคารผู้โดยสารจะเปิดประมูลคัดเลือก โดยคาดว่าจะเปิดประมูลอย่างช้าต้นเดือนพ.ย.นี้
ส่วนบริการที่จอดรถสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ คาร์ปาร์ค นั้นทอท.จะดำเนินการเองโดยในระยะแรก 6 เดือน- 1 ปี ก่อน เนื่องจาก ทอท.มีพนักงานไม่เพียงพอและยังไม่มีราคากลางของรายได้จากค่าจอดรถของสนามบินสุวรรณภูมิด้วย จึงอาจจะว่าจ้างบริษัทเอกชนมาจัดเก็บให้และจ่ายผลตอบแทนเป็นค่าจ้าง และเมื่อมีตัวเลขรายได้ค่าจอดรถแล้วจากนั้นจะเปิดประมูลหาเอกชนมารับสัมปทานจัดเก็บค่าจอดรถแทนทอท. ในลักษณะเดียวกับที่จอดรถสนามบินดอนเมือง
"ที่จอดรถในหลักการต้องให้สัมปทานแต่เนื่องจากไม่มีรายได้ประเมินของสนามบินสุวรรณภูมิและนำรายได้ที่จอดรถของดอนเมือง มาประเมินไม่ได้ ดังนั้นในระยะแรก ทอท.จะดำเนินการเองโดยว่าจ้าง เอกชนมารับจ้างพนักงานของทอท. จะ ไม่ทำเรื่องนี้เองเพราะเป็นงานจุกจิก"
ประชุมกทภ.รายงานแผนย้ายสนามบิน
พลเอกชัยนันท์ เจริญศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันนี้ (25 ต.ค.) คณะกรรมการบริหารและพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กทภ.) ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานจะประชุมโดยมีวาระสำคัญคือ เรื่องการรายงานแผนปฏิบัติการการ เตรียมความพร้อมในการโยกย้ายสนามบิน (ORAT) จากท่าอากาศยานกรุงเทพมาปฏิบัติ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากคาดว่าต้องใช้เวลาโยกย้ายประมาณ 6-7 เดือน ก่อนเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิในเดือน มิ.ย. 2549 โดยแผนดังกล่าวจะระบุชัดเจนว่าในแต่ละช่วงเวลาจะต้องโยกย้ายงานส่วนใดบ้าง และต้องกำหนดกรอบเวลาในการเตรียมการโยกย้ายสนามบินให้สอดคล้องกับแผนการก่อสร้างสนามบิน
นอกจากนี้ จะมีการรายงานแผนความคืบหน้าการดำเนินการจัดตั้งนครสุวรรณภูมิซึ่งเรื่องดังกล่าว กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าของเรื่องในการรายงาน อย่างไรก็ตาม อาจจะยังไม่มีการตัดสินใจในวาระดังกล่าว เป็นเพียงเรื่องรายงานเพื่อทราบเท่านั้น รวมถึง การรายงานการก่อสร้างทางด่วนบูรพาวิถีเพื่อเข้ามาถึงภายในสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดงบประมาณในการก่อสร้างลดลง
พลเอกชัยนันท์ กล่าวว่า จะมีการรายงานเรื่องการจัดตั้งคณะกรรมการระบบการจราจรภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อจัดระบบรถสาธารณะทุกประเภทที่จะเข้ามาให้บริการภายในสนามบิน โดย คณะกรรมการชุดนี้จะดูกรอบการในการบริหารจัดการ และการให้บริการรถขนส่งสาธารณะทุกประเภท ตั้งแต่รถโดยสารสาธารณะ รถแท็กซี่ มิเตอร์ เป็นต้น
ส่วนการก่อสร้างจะรายงานความคืบหน้าตามปกติ เพื่อให้นายก-รัฐมนตรีรับทราบและเร่งงานในส่วน ที่ล่าช้ากว่ากำหนด ส่วนเรื่องการปรับเงินผู้รับเหมาที่ส่งมอบงานล่าช้า เช่น กลุ่มกิจการร่วมค้าไอทีโอจอยท์เวนเจอร์ ที่รับผิดชอบการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบินนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากอยู่ระหว่างการ ที่บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) ส่งรายละเอียดถึงไอทีโอฯ เพื่อชี้แจงว่า บทม.จะปรับเงินไอทีโอฯ เนื่องจากไม่สามารถส่งมอบงานก่อสร้างได้ตามกำหนดวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา
"ไอทีโอฯต้องถูกปรับอยู่แล้ว เพราะตามสัญญาระบุชัดว่าเมื่อส่งงานไม่ได้ตามกำหนดก็ต้องเสียค่าปรับ เชื่อว่าเอกชนจะยอมรับได้" พลเอกชัยนันท์ กล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|