"เราไม่อยากเป็นที่ 1"

โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

เป้าหมายของทรงเดช ประดิษฐสมานนท์ หัวหน้าสำนัก งาน เอินสท์ แอนด์ ยัง ในประเทศไทย เขาไม่คิดจะให้สำนักงาน ที่เขาดูแลต้องเป็นกิจการผู้สอบบัญชีอันดับ 1 ของประเทศ

เขาต้องการเพียงรักษาฐานลูกค้าที่มีอยู่ให้คงใช้บริการของเอินสท์ แอนด์ ยัง อย่างต่อเนื่อง ด้วยความจริงใจที่มีต่อกัน มากกว่า

"ลูกค้าของเรา เพิ่งมาเพิ่มขึ้นมากเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา นี่เอง" เขาบอก "ผู้จัดการ"

เอินสท์ แอนด์ ยัง เป็นบริษัทผู้สอบบัญชีต่างประเทศรายแรก ที่เข้ามาตั้งสำนักงานอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

สำนักงานในประเทศไทยของเอินสท์ แอนด์ ยัง ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2499 (ค.ศ.1956) โดยในครั้งนั้นยังใช้ชื่อว่า Turquand Youngs & Co. (ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่อเป็น Arthur Young และมีการรวมตัวกับ Ernst & Ernst เป็น Ernst & Youngs ในปี 2532)

การเข้ามาในไทยของเอินสท์ แอนด์ ยัง เมื่อ 40 กว่าปีก่อน อาจไม่แตกต่างจากสำนักงานสอบบัญชีที่ติดอันดับ Big 4 รายอื่นๆ อย่างดีลอยท์ ทู้ เคพีเอ็มจี และไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ เพราะเป็นไปตามการขยายตัวของภาคธุรกิจและตลาดทุน ตลอด จนพัฒนาการของธุรกิจผู้สอบบัญชีในประเทศ ที่จำเป็นต้องอาศัยเครือข่ายความน่าเชื่อถือของสำนักงานสอบบัญชีระดับโลก (รายละเอียดประวัติของ Big 4 โปรดอ่านจากล้อมกรอบ)

"เราเริ่มจากสาขาที่สิงคโปร์ ที่เห็นว่าขณะนั้นมีลูกค้าหลายรายที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย จึงมีแนวคิดที่จะเข้ามาเปิดเป็นสาขา" ทรงเดชเล่า

ทรงเดชจบการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์ ในช่วงที่เอินสท์ แอนด์ ยัง เพิ่งจะขยายสาขาเข้ามาในเมืองไทยใหม่ๆ

หลังเรียนจบจากอัสสัมชัญพาณิชย์ เขาได้เดินทางไปทำงานเป็นเสมียนอยู่ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขากรุงลอนดอน 1 ปี และย้ายร้านไปอยู่ที่ธนาคารเมอร์เคนไทล์ และฮ่องกงเซี่ยงไฮ้ แบงก์อีกแห่งละ 2 ปี จึงเริ่มเข้าเรียนทางด้านเศรษฐศาสตร์ และ บัญชี ที่ London University จนจบการศึกษา ในปี 2507

หลังเรียนจบ ทรงเดชเข้าทำงานเป็นผู้สอบบัญชีให้กับเอินสท์ แอนด์ ยัง ในอังกฤษต่ออีก 3 ปี จึงเดินทางกลับมาประเทศไทย

เขากลับมาทำงานสอบบัญชีในไทย ในฐานะหัวหน้าสำนักงานให้กับเอินสท์ แอนด์ ยัง ในปี 2511 หลังจากที่ ศาสตราจารย์ยุกต์ ณ ถลาง เพิ่งมีการจับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับ SGV & Co. ตั้งเป็นสำนักงานสอบบัญชีกอเรส ซีซิป เวลาโย- ณ ถลาง เพียง 1 ปีเท่านั้น

สำนักงานในไทยช่วงที่ทรงเดชเข้ามารับผิดชอบ ไม่ได้ใช้ชื่อเอินสท์ แอนด์ ยัง อย่างเต็มตัว เขาจัดตั้งเป็นสำนักงานทรงเดช แอนด์ โค และประกาศว่าเป็นสำนักงานตัวแทนอย่างเป็นทางการของเอินสท์ แอนด์ ยัง

"สาเหตุเป็นเพราะกฎหมายของไทย ให้การรับรองผู้สอบ บัญชีเป็นรายบุคคล ไม่ใช่เป็นรายบริษัท"

จนเมื่อธุรกิจไทยก้าวเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ ในปี 2537 เขา จึงเปลี่ยนชื่อสำนักงานของเขาเป็นทรงเดช เอินสท์ แอนด์ ยัง และเปลี่ยนมาเป็นสำนักงานเอินสท์ แอนด์ ยัง ในปี 2540

การขยายตัวของเอินสท์ แอนด์ ยัง ในประเทศไทย ภาย ใต้การดูแลของทรงเดช เป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

"ธุรกิจของเราในไทย ไม่เคยขึ้นเป็นอันดับ 1 และเราไม่ต้องการเช่นนั้น"

ทรงเดชให้เหตุผลว่าการที่วางเป้าหมายขึ้นเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจผู้สอบบัญชี ถือเป็นความเสี่ยง เพราะธรรมชาติของการ ทำธุรกิจในประเทศไทยนั้น แตกต่างจากมาตรฐานของทางตะวัน ตก บริษัทที่วางเป้าหมายขึ้นเป็นอันดับ 1 จะต้องบุกในเรื่องการ ทำตลาด ซึ่งอาจหมายถึงความจำเป็นต้องลดค่าบริการ ตลอดจนการลดมาตรฐาน เพื่อยอมทำตามความประสงค์ของผู้บริหาร ของบริษัทที่เป็นลูกค้าในบางเรื่อง

ซึ่งจุดนี้ในมาตรฐานของวิชาชีพผู้สอบบัญชีแล้ว ถือเป็นความเสี่ยง เพราะถึงที่สุดแล้ว ก็จะมีผลต่อความน่าเชื่อถือของตัวเราเอง

เมื่อปี 2536 ซึ่งตลาดหุ้นไทยอยู่ในขั้นบูมสุดขีด มีบริษัท จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้น 338 บริษัท สำนักงานเอินสท์ แอนด์ ยัง ของทรงเดชครองส่วนแบ่งตลาดอยู่เพียงอันดับ 4 โดยมีลูกค้า ที่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เพียง 32 ราย หรือ 9.41%

ขณะที่อันดับ 1 คือสำนักงานเอสจีวี-ณ ถลาง และสำนัก งานพีท มาร์วิค สุธี สิงห์เสน่ห์ ที่มีลูกค้าจำนวนเท่ากันคือ 57 ราย รองลงมาคือ สำนักงานไชยยศของเติมศักดิ์ กฤษณามระ ที่มีลูกค้า 44 ราย

ปัจจุบันเอสจีวี-ณ ถลาง และสำนักงานพีท มาร์วิค ได้มีการประกาศรวมตัวกันเป็นกลุ่มเคพีเอ็มจี ประเทศไทย (รายละเอียดโปรดอ่าน "ผู้จัดการ" ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2545)

ส่วนสำนักงานไชยยศ ได้ประกาศความร่วมมือกับดีลอยท์ ทู้ ตั้งเป็นบริษัทดีลอยด์ ทู้ โทมัตสุ ไชยยศ

ปี 2540 ก่อนเกิดวิกฤติ สัดส่วนลูกค้าเฉพาะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของเอินสท์ แอนด์ ยัง อยู่ในอันดับประมาณ 3-4 มีลูกค้าใช้บริการสอบบัญชีของเอินสท์ แอนด์ ยัง เพียงประมาณ 60 บริษัท

ลูกค้าของเอินสท์ แอนด์ ยัง มาเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังประเทศประสบกับวิกฤติค่าเงินบาทในปี 2540 โดยเป็นการเพิ่มขึ้น จากการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก

"เราไม่เคยนำวิธีการตลาดเข้ามาใช้ ลูกค้าที่เพิ่มขึ้นมา ส่วนใหญ่ เขาเข้ามาหาเราเอง"

ตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมา ปริมาณลูกค้าของเอินสท์ แอนด์ ยัง ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เฉลี่ยปีละประมาณ 25%

"เหตุผลหนึ่ง เป็นเพราะการสนองตอบของเราต่อความต้องการของลูกค้า เช่น การต้องยื่นงบให้ตรงเวลา การให้บริการ ด้านอื่นๆ รวมทั้งความซื่อสัตย์สุจริตของเรา ตลาดมองเราอย่างไร ผู้ลงทุนมองเราอย่างไร ผมว่าส่วนประกอบต่างๆ เหล่านี้เป็นตัวชักนำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการของเรา"

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของเอินสท์ แอนด์ ยัง สำหรับบริษัทในตลาดหุ้น ก้าวกระโดดขึ้น เนื่องจากนโยบาย ตั้งแต่เดิมของสำนักงานแห่งนี้ ไม่นิยมรับลูกค้าที่เป็นสถาบันการเงิน ลูกค้าที่มีอยู่ปัจจุบันมีเพียงบริษัทเงินทุนธนชาติ และธนาคารธนชาติเท่านั้น

"ตอนเกิดวิกฤติ ที่สถาบันการเงินถูกปิดไปถึง 56 แห่ง เราจึงไม่ได้รับผลกระทบ ขณะที่ผู้สอบบัญชีรายอื่นๆ เขาต้องเสียลูกค้าไปถึง 50 กว่าราย"

การจัดอันดับของธุรกิจผู้สอบบัญชี อาจวัดได้จากหลายจุด เมื่อครั้งที่เอสจีวี-ณ ถลาง ประกาศการรวมตัวกับเคพีเอ็มจี ประเทศไทย เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีผลให้จำนวนพนักงานที่ทำหน้าที่สอบบัญชีของทั้ง 2 แห่ง เมื่อรวมกันแล้วจะมีจำนวนถึงกว่า 1,000 คน กลุ่มเคพีเอ็มจี ประเทศไทย สามารถ เรียกตัวเองว่าเป็นอันดับ 1 ของธุรกิจสอบบัญชีในไทย

ขณะที่เอินสท์ แอนด์ ยัง ซึ่งหากวัดจากจำนวนลูกค้า ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สำนักงานแห่งนี้ สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นอันดับ 1 ได้เช่นกัน

ในโครงสร้างของธุรกิจผู้สอบบัญชีทั่วโลก มีเพียงแห่งเดียวที่เอินสท์ แอนด์ ยัง กล้าพูดได้เต็มปากว่าเป็นอันดับ 1 คือ ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่เหลือส่วนใหญ่เอินสท์ แอนด์ ยัง มักจะ อยู่ในอันดับ 2-4 ตามหลังไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ ที่ขึ้นครองอันดับ 1 หลังการรวมตัวกับคูเปอร์ส์ แอนด์ ไลแบรนด์ ในปี 2541

ในประเทศไทย ทรงเดชไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับการได้เป็นอันดับ 1 ของผู้สอบบัญชีในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในความรู้สึกของเขา ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จีรัง

เขายังยึดมั่นในหลักของความจริงใจในการให้บริการกับลูกค้า แม้ว่าความจริงใจนั้น อาจสร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้า จนต้องหันไปหาผู้สอบบัญชีรายอื่นในอนาคตก็ตาม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.