|
แอมเวย์ปรับเกมลุยเศรษฐกิจฝืด ไม่ถึงเป้าหมื่นล.-คาดช่องทางเว็บไซต์อีก3ปีบูม
ผู้จัดการรายวัน(21 ตุลาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
แอมเวย์ปรับกลยุทธ์รับภาวะเศรษฐกิจคาดปีหน้าทำงานหนักขึ้น เล็งทำตลาด 2 ผลิตภัณฑ์หลักเครื่องสำอางอาร์ทิสทรีและเน้นหนักผลิตภัณฑ์เสริมนิวทริไลท์ เชื่อเทรนด์ตลาดเพื่อสุขภาพจะมาแรงแซงตลาดความงาม ชี้ช่องทางซื้อขายผ่านเว็บไซต์จะบูมในอีก 3-5 ปี เพราะสะดวก ช่วยเซฟเวลาและค่าเดินทางในยุคน้ำมันแพง ส่วนภาพรวมขายตรงไทยเชื่อยังมีโอกาสโตอีกมากหากเทียบกับต่างประเทศ
นางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทแอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน”ว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันกระทบต่อทุกคนรวมถึงแอมเวย์ที่เพิ่งปิดยอดรายได้รอบบัญชี 2548 (1 ก.ย. 47- 31 ส.ค. 48) พบว่ายอดขายไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท โดยปิดยอดไปกว่า 9,000 ล้านบาท สำหรับรอบบัญชีปี 2549 มองว่าเรื่องเศรษฐกิจยังเป็นปัญหาสำคัญอยู่ ซึ่งบริษัทฯคาดว่าปีหน้าคงจะทำงานหนักขึ้นจากผลพวงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยบริษัทฯจะเน้นใช้กลยุทธ์ทางการตลาด ภายใต้งบตลาดกว่า 100 ล้านบาทผ่านสื่อโฆษณาต่างๆและทำโปรโมชั่นใหม่ เป็นต้น
พร้อมกันนี้ปีหน้าแอมเวย์จะเน้นทำตลาดในส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอาร์ทิสทรีและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์มากขึ้น อาทิ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ฯลฯ ซึ่งการทำตลาดก็ต้องดูคู่แข่งด้วยว่าจะมาในทิศทางไหน แต่เชื่อว่าตลาดจะเน้นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมากกว่าเรื่องความงาม เพราะปัจจุบันคนจะมีปัญหาทางด้านสุขภาพเป็นจำนวนมาก อาทิ มีน้ำหนักเกินจากการบริโภคอาหารที่มากจึงนิยมหันมาทานอาหารเสริมมากขึ้น รวมถึงตลาดสุขภาพยังเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจและมีอัตราการเติบโตสูง
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนิวทริไลท์และเครื่องสำอางอาร์ทิสทรีทำรายได้ให้แอมเวย์ในสัดส่วนที่เท่าๆกัน คือ 25-26% จากเดิมที่อาร์ทิสทรีจะทำรายได้มากกว่าหรือประมาณ 30% ส่วนนิวทริไลท์ ทำรายได้คิดเป็นสัดส่วน 20% โดยเชื่อว่าในอนาคตกลุ่มอาหารเสริมจะมีสัดส่วนยอดขายที่เพิ่มขึ้น
นางรัตนา กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันช่องทางการขายสินค้าของธุรกิจขายตรงผ่านทางเว็บไซต์หรือทางอีเลคทรอนิกส์มีแนวโน้มที่ดีและเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะมีความสะดวกและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางและเวลาได้เป็นอย่างดีด้วย โดยเชื่อว่าในอนาคตช่องทางนี้มีโอกาสเติบโตสูงเห็นได้จากยอดสั่งซื้อสินค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
“ช่องทางการซื้อขายผ่านเว็บไซต์คนไทยยังไม่คุ้นเคยช่องทางนี้ แต่คาดว่าภายใน 3-5 ปีช่องทางนี้จะได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะซื้อขายสินค้าง่าย และช่วยประหยัดเวลาและค่าน้ำมัน ในส่วนของแอมเวย์ปัจจุบันมีนักธุรกิจอิสระ 2แสนกว่าราย โดยแบ่งเป็นนักขายแพลททินั่มกว่า 80% ที่ใช้ช่องทางนี้ซื้อขายสินค้าในแต่ละเดือน”
ส่วนภาพรวมของธุรกิจขายตรงในไทยมองว่าโอกาสทางการตลาดยังมีอยู่มากหากเทียบกับต่างประเทศที่ธุรกิจขายตรงยังเติบโตได้อีกมาก ทั้งนี้ดูได้จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการต่างๆที่จะพยายามนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ๆสู่ผู้บริโภค รวมถึงตัวนักขายหรือตัวแทนจำหน่ายต้องมีความจริงใจต่อลูกค้าด้วย
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|