แม็คโคร รุกกิจกรรมนอกห้าง ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่


ผู้จัดการรายสัปดาห์(20 ตุลาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

แม็คโครทุ่มงบ 16 ล้านบาทดึงพันธมิตร 120 ราย จัดกิจกรรมนอกห้างครั้งใหญ่ ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้า 25% จากผู้ที่จะก้าวสู่ธุรกิจอาหาร จากการจัดงาน "แม็คโคร โฮเรก้า เอ็กซ์ตร้าวากานซ่า ครั้งที่ 1"

หลังจากได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของบรรดาดิสเคาน์สโตร์ส่งผลให้ลูกค้าของแม็คโครที่เป็นร้านค้าปลีกรายย่อยซึ่งไม่สามารถปรับตัวได้ต้องปิดตัวลงไป ทำให้แม็คโครเสียลูกค้าไปบางส่วน ในขณะที่ร้านค้าปลีกหรือโชว์ห่วยที่สามารถปรับตัวอยู่ได้ก็ไม่ง่ายที่จะดำเนินธุรกิจเพราะการขยายตัวของร้านสะดวกซื้อที่ไม่ได้มีเพียงเซเว่นอีเลฟเว่นหรือแฟมิลี่มาร์ทเท่านั้นหากยังมีเฟรชมาร์ท วีชอป ซึ่งผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ใช้เงินเพียง 6 แสนกว่าบาทก็สามารถสร้างธุรกิจได้ ในขณะที่แม็คโครก็ไม่สามารถขยายสาขาได้สะดวกเนื่องจากข้อจำกัดของกฎหมายผังเมือง

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแม็คโครมีการปรับโฟกัสใหม่จากเดิมที่เป็นภาพของธุรกิจค้าส่งระบบสมาชิกที่ให้น้ำหนักกับร้านค้าปลีกก็หันมาโฟกัสบรรดาร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรม ต่างๆเนื่องจากแม็คโครพบว่าลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมีการซื้อสินค้าในแม็คโครมากขึ้น แม้ว่าปัจจุบันสัดส่วนของลูกค้าที่เป็นร้านอาหาร หรือโรงแรมมีเพียง 10% แต่ก็มีอัตราการเติบโตที่ดี อีกทั้งอาหารสดยังมีมาร์จิ้นสูงกว่าสินค้าทั่วไป 2-3 เท่า ส่วนลูกค้าที่เป็นร้านค้าปลีกรายย่อยมีมากถึง 60% ลูกค้าองค์กร 15% และลูกค้ากลุ่มอื่นๆอีก 15% สำหรับสัดส่วนสินค้าที่ขายได้มากที่สุดในแม็คโครคืออาหารสด 70% อาหารแห้ง 10% สินค้าอุปโภคอื่นๆ 14% และอีก 7% เป็นสินค้าเฮาส์แบรนด์ของแม็คโคร เช่น อาโร่ เซฟแพ็ค คิวบิซ ไฮสไตล์

ทั้งนี้ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาแม็คโครมีการขยายพื้นที่แผนกอาหารสดจาก 1,000 ตารางเมตรเพิ่มเป็น 3,000 ตารางเมตรที่สาขาสาทรซึ่งเป็นสาขานำร่องก่อนจะปรับปรุงสาขาอื่นๆเพื่อเพิ่มรายการอาหารสดให้มากขึ้น ตอบสนองกับลูกค้ากลุ่มร้านอาหารและโรงแรมที่ใช้บริการมากขึ้น ส่วนในปีนี้มีการใช้งบกว่า 800 ล้านบาทในการปรับปรุงสาขาเก่า 21 แห่งให้มีพื้นที่อาหารสดมากขึ้นซึ่งคาดว่าการปรับปรุงจะเสร็จสิ้นในปีหน้า ส่วนสาขาใหม่ 8 แห่งที่เปิดตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการออกแบบเพื่อรองรับการขยายตัวของแผนกอาหารสดอยู่แล้ว

ล่าสุดแม็คโครเตรียมเปิดงาน "แม็คโคร โฮเรก้า เอ็กซ์ตร้าวากานซ่า ครั้งที่ 1" ระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคมนี้ ที่อิมแพ็คเมืองทองธานี ซึ่งปกติแล้วการทำกิจกรรมการตลาดของบรรดาห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าทั้งหลายมักจะทำกันในห้างเพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้าห้าง แต่การจัดงานดังกล่าวถือเป็นกิจกรรมนอกห้างครั้งใหญ่ครั้งแรกของแม็คโครที่นอกจจากจะตอบสนองความต้องการบางอย่างที่ไม่สามารถจัดในห้างได้ให้กับลูกค้าประจำแล้วยังเป็นการสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการจะประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร (โฮเรก้า เป็นคำย่อที่มาจากคำว่า Hotel Restaurant Catering ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแม็คโคร)

ในการจัดงานแม็คโครโฮเรก้าฯ มีการใช้งบกว่า 16 ล้านบาท ดึงซัพพลายเออร์กว่า 120 รายเข้าร่วมงานเพื่อดึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสมาชิกแม็คโคร ผู้ประกอบธุรกิจอาหาร โรงแรม โรงงานผลิตอาหาร ร้านเบเกอรี่ และผู้สนใจทั่วไป รวมถึงผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของแม็คโครก็สามารถเข้าร่วมงานได้ อีกทั้งยังสามารถสมัครเป็นสมาชิกของแม็คโครในงานดังกล่าวได้ ซึ่งในงานจะมีโครงการ HoReCa Advisory Center เพื่อเป็นศูนย์ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจอาหารแก่ผู้ที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจอาหาร ซึ่งแม็คโครเชื่อว่าธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะกลายมาเป็นลูกค้าของแม็คโครในอนาคตซึ่งจะผลักดันยอดขายของบริษัทเติบโตแม้จะยังไม่มีการขยายสาขาเพิ่ม

นอกจากนี้ยังมีการสาธิตและแข่งขันทำอาหาร การให้คำแนะนำในการออกแบบร้านอาหารตามหลักฮวงจุ้ย รวมถึงกิจกรรมต่างๆของสมาคมพ่อครัวไทย ซึ่งคาดว่าการจัดงานในครั้งนี้จะทำให้แม็คโครมีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีก 25% จากฐานสมาชิกเดิมที่มีกว่า 1.8 ล้านราย โดยเป็นลูกค้าที่มีการซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องถึง 80%

"มหกรรมแม็คโคร ครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ครั้งที่ 1 เราไม่ได้จัดเพื่อเน้นในเรื่องของยอดขาย หากแต่ต้องการให้พันธมิตรของแม็คโครได้ถ่ายทอดความรู้ทางธุรกิจหรือแนวคิดใหม่ๆในการบริหารงานให้กับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจอาหารอยู่แล้วรวมไปถึงผู้ที่สนใจจะก้าวเข้าสู่ธุรกิจอาหาร" อารีย์ วงศ์รัศมี ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายจัดซื้อสินค้าบริโภค สยามแม็คโคร กล่าว

แม้การจัดงานดังกล่าวจะไม่ได้เน้นยอดขายในงานแต่ก็มีการทำโปรโมชั่นที่จะดึงให้ลูกค้ามาใช้จ่ายในห้างแม็คโครมากขึ้น เช่น การมอบคูปองส่วนลดให้กับผู้ร่วมงานซึ่งนอกจากใช้ซื้อสินค้าในงานแล้วยังสามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าในแม็คโครได้อีก

แม็คโครตั้งเป้าว่าจะสามารถปิดยอดขายในปีนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนที่ทำได้ 46,257 ล้านบาท ทั้งนี้ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกบริษัทสามารถทำยอดขายเติบโตถึง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นยอดขาย 50,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งถือเป็นฤดูขายที่ดีที่สุดของปี โดยแผนกอาหารนอกจากจะมีสัดส่วนใหญ่สุด 80% แล้วยังมีการเติบโตสูงสุดถึง 50%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.