"ทราฟฟิกคอร์นเนอร์" จากจุดเริ่มต้นของกลุ่มคนสายเลือดเดียวกัน
สู่ธุรกิจสื่อโฆษณาครบวงจร นับถึงปัจจุบันทราฟฟิกคอร์นเนอร์กลายเป็นผู้ที่เข้าไปจัดการด้านการตลาด
บริหารธุรกิจให้กับกิจกรรมที่หลากหลายไม่ว่า จะเป็นคอนเสิร์ต หรือสื่อสิ่งพิมพ์
ผู้บริหารหนุ่มเผยปรัชญาธุรกิจทำงาน ภายใต้แนวคิดสร้างความแตกต่าง ขายงานคุณภาพ
ยรรยง อัครจินดานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทราฟฟิกคอร์นเนอร์
โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าทราฟฟิกคอร์นเนอร์เกิดจากการรวมตัวของคนที่มีความถนัดด้านวิทยุ
โทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์มารวมตัวกันโดยมีเป้าหมายดียวกันคือเพื่อทำสื่อโฆษณาครบวงจรภายใต้สโสแกนที่ว่า
"แรงบันดาลใจเหนือความคาด หมาย" เพราะอยากให้ลูกค้าได้ในสิ่งเกินความคาดหมาย
ให้ลูกค้าเกิด ความพึงพอใจที่ต้องมาจากความเชื่อมั่นในองค์กรก่อนอื่น
กว่าจะถึงวันนี้ของทราฟฟิกคอร์นเนอร์ ผู้บริหารกิจการกล่าวว่า เราเริ่มต้นกับงานหลายประเภท
ไม่ว่าจะเป็นการจัดรายการฟุตบอล ดังๆ อย่างพรีเมียร์ลีก และบุนเดส-ลีก้านับเป็นเจ้าแรกที่ทำรายการฟุต-บอลทางโทรทัศน์แล้วมีกำไรและพัฒนารูปแบบรายการจากที่ชมได้อย่างเดียวมาเป็นการร่วมโหวตทาง
โทรศัพท์ได้
"เราได้แนวคิดนี้มาจากความ ต้องการทำรายการที่ไม่เหมือนใคร เพราะถ้าจะทำข่าวก็คงสู่
ITV ไม่ได้ หรือจะไปทำละครก็คงสู้ช่อง 3 หรือ ช่อง 7 ไม่ได้ อีกเช่นกัน เราจึงต้อง
หาช่องทางทำในสิ่งที่ยังไม่มีใครทำ" ยรรยง กล่าว
ธุรกิจวิทยุหลักของทราฟฟิกคอร์นเนอร์คือคลื่นลูกทุ่ง FM สเตอริโอกระจายเสียงตลอด
24 ชั่วโมงซึ่งเป็นคลื่นแรกในเมืองไทยซึ่งหลายคนคิดว่าเพลงลูกทุ่งเป็นภาพลักษณ์ของคนชั้นล่างแต่สิ่งที่
ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ทำคือปรับมุมมองเสียใหม่ เพราะเพลงลูกทุ่งเป็น ตลาดที่ใหญ่
ยอดขายเทปของค่าย ใหญ่ๆ อย่างแกรมมี่ที่ติดอันดับท็อป 5 ก็คือเพลงลุกทุ่ง
แนวคิดการจัดตลาดสถานีวิทยุลูกทุ่ง FM จึงประสบสำเร็จเป็นอย่างสูง เรตติ้ง
ของรายการสูงมากเพราะเราคิดที่นำ คลื่น AM และ FM มาผสมผสาน กันได้เพื่อตอบสนองความต้องการ
ของทั้งผู้ฟังและสปอนเซอร์
"เรามีมุมมองในการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการไปตามกระแสความนิยมและไม่ยึดติดกับงานบริหารแบบเก่า"
อีกสายหนึ่งที่ทราฟฟิกคอร์นเนอร์เข้าไปบุกเบิกเป็นการเข้าไปบริหารกิจกรรมการตลาดและการจัดการของบริษัทอื่นๆ
ด้วย ตามแนวคิดที่ว่าการทำกิจกรรมส่งเสริม การตลาดนั้นผู้บริหารยุคใหม่จะต้องมีความคิดและมองอะไรรอบด้านให้ครอบคลุมรอบด้านทั้งการบริหารงานโฆษณาที่ผ่านสื่อหรือการ
สร้างกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของ บริษัทลูกค้าและผู้บริโภค
"คอนเสิร์ต" เป็นอีกหนึ่งในสายธุรกิจที่ ทราฟฟิกคอร์นเนอร์เข้า
ไปบริหารแล้วมีกำไร โดยมีจุดเริ่มต้นของแนวคิดที่ว่าทำอย่างไรให้มีกำไร จะหารายได้ยังไง
จะแก้ปัญหา หรือมีวิธีอะไรที่จะทำให้เรามีกำไรเพิ่ม เข้ามาอีกเช่น การทำคอนเสิร์ตใน
เมืองไทยถ้าทำแนววัยรุ่นเพลงสมัย นิยมก็ไม่มีใครมาดูแน่เพราะเพลงแนวนี้ส่วนมากเป็นฟรีคอนเสิร์ต
ผนวกกับค่ายเพลงส่วนใหญ่ต้องการโปรโมตเพลงเขาอยู่แล้วจัดคอน สิร์ตเก็บตังค์ไม่ได้แน่
การทำแนวเพลงแบบคุณภาพจึงมีความเป็นไปได้เพราะอำนาจซื้อมากกว่าเช่น เบิร์ดกับฮาร์ท
นับเป็นคอนเสิร์ตที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเพราะเป็นคอนเสิร์ตที่หาดูได้ยาก
ลูกค้าจึงพร้อมที่จะจ่ายเงินซื้อบัตรเข้าชม
อีกสายธุรกิจที่ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ทำได้อย่างดีคือ สิ่งพิมพ์จากมุมมองที่ว่าคนไทยมีแนวโน้มในการอ่านหนังสือมาก
ขึ้นความรู้ในหนังสือและความนิยมในหนังสือดีขึ้น
"อัตราการอ่านหนังสือของคน ไทยยังต่ำ หนังสือพิมพ์ที่เป็นอันดับ ที่
1 อย่างไทยรัฐมียอดขายประมาณ 1 ล้านฉบับ ขณะที่หนังสือพิมพ์ที่สิงคโปร์ขายได้
3 ล้านฉบับต่อจำนวนประชากร 3 ล้านคน เท่าที่ถามจากคนขายหนังสือพบว่าหนังสือเรียนและแมกกาซีนตลาดโตมากๆ
แต่จะมีวิธีการนำเสนออย่างไรเพื่อไม่ให้ซีเรียสมากนัก"
นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้า ไปบริหารการตลาดให้กับหนังสือ พิมพ์มายาแชนแนล
และในปัจจุบัน ก็มีการร่วมทุนกันอย่างเต็มที่ซึ่งหนังสือพิมพ์มายาแชนแนลนนี้ขาย
ดีมากสู่หลักแสนฉบับภายในเวลา 6 เดือนโดยมีความถี่ออกอาทิตย์ละ 2 ฉบับเดือนละ
8 ฉบับ ซึ่งหลัง จากได้มายาแชนแนลมาอยู่ในเครือแล้ว ยังมีการขยายกิจการเพิ่มขึ้นคือออกแมกกาซีนอีก
3 ฉบับจะออกวางขายปีหน้าเป็นหนังสือพิมพ์ นิตยสารบอสส์ และ เอ็มทีวีแมกกาซีน
โดยภาพรวมคอนเซ็ปต์การบริหารกิจการของทราฟฟิกคอร์นเนอร์แล้ว จะอยู่บนแนวทางบริหาร
การตลาดด้วยการร่วมทำงานกับลูกค้า เดินตามความต้องการร่วมกัน ช่วยคิดไอเดียต่างๆ
ให้เพื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ของลูกค้ามากที่สุด สร้างความแตกต่างและเพิ่มความน่าสนใจ
"เชื่อในเรื่องของการบริหารแบบใหม่เราจะคล้ายๆ BEC เพียง แต่เราไม่มีสถานีโทรทัศน์เราไม่อยาก
ทำให้เหมือนกันเราจึงหลีกเลี่ยงที่จะ เป็นคู่แข่งกับธุรกิจอื่น เราจะขยายธุรกิจไปเรื่อยๆ
สร้างมุมมองที่แตก ต่างจากคนอื่นและเน้นระบบการทำ งานร่วมกับลูกค้า รักษาลูกค้าเอา
ไว้ ได้และเน้นคอนเซ็ปต์ที่ยืนยาวซึ่งทำให้บริษัททราฟฟิกเติบโตและยั่งยืน"
เป็นแนวคิดที่ออกจากผู้บริหาร หนุ่มไฟแรงคนนี้