"GMMM" เตรียมเทรดในตลาดหลักทรัพย์ 22 พ.ย.นี้ หลังกระจาย 40
ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 30 บาท ขณะที่ราคาพาร์ละ 1 บาท โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะให้ซื้อเก็บเข้าพอร์ต
แม้ราคาจองเมื่อเทียบกับพาร์แล้วค่อนข้างสูง ขณะที่ราคาประเมินสูงกว่า 35
บาท แต่หากพลาดไล่เก็บ หุ้นแม่อย่าง GRAMMY ก็ไม่ต่างกัน เพราะธุรกิจ ยังเติบโต
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานกรรม การบริหารศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประ
เทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทยมีมติรับหุ้นสามัญของบริษัท
จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ GMMM ซึ่งมีทุนจดทะเบียนจำนวน 200
ล้านบาท (มูลค่าที่ตรา ไว้หุ้นละ 1 บาท) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย
หมวดบันเทิงและสันทนาการ โดยคาดว่าจะเข้าซื้อขายได้ในวันที่ 22 พ.ย.นี้
โดยบริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดียจะจำหน่ายหุ้นสามัญจำนวน 44 ล้านหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป
ในวันที่ 14-15 พฤศจิกายน 2545 โดยกำหนดราคา หุ้นละ 30 บาท และมีบริษัทหลักทรัพย์
แอสเซทพลัสเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
"บริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดีย เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านสื่อครบวงจร
ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ และสิ่งพิมพ์ ซึ่งธุรกิจสื่อแต่ละประเภทจะมีบริษัทและบริษัทย่อยได้แก่
บริษัท เรดิโอ คอนเซ็ป,บริษัท มาสเตอร์แพลน,บริษัท แกรมมี่ เทเลวิชั่น จำกัด
บริษัท เอ็กแซ็กท์, บริษัท ทีนทอล์ก, บริษัท แมส มอนิเตอร์, บริษัท เลมอนกลาส
โปรดักชั่นส์, และบริษัท อิมเมจ พับลิชชิ่ง นับเป็นบริษัทหนึ่งในธุรกิจบันเทิงที่มีความน่าสนใจและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี"นางสาวโสภาวดีกล่าว
บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ GMMM เดิมชื่อบริษัท เอ-ไทม์
มีเดีย ประ กอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและรับจ้างผลิตรายการทางสถานีวิทยุ และเป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท
จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAM-MY ผู้ถือหุ้นใหญ่คือ บริษัท
จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ถือหุ้น 100% ของทุนชำระแล้ว
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีเอ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกบทวิจัยเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นตัว
นี้ โดยแนะนำให้ "จองซื้อ" ซึ่งมีราคาเป้าหมายอยู่ที่ 36.80 บาทต่อหุ้น
โดยคำนวณจาก PER เฉลี่ยต่อปีที่ 22 เท่าและจากผลประกอบการของธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน
แม้ว่ารายได้หลักจะมาจากค่าโฆษณาที่แนว โน้มยังคงสดใสแต่ในระยะยาวแล้วอัตราการเติบโตของบริษัทยังไม่ชัดเจน
อันเป็นผลจากความล่าช้าในการเปิดเสรีธุรกิจสื่อ แต่เคจีไอ ก็ยังแนะนำให้จองซื้อหุ้นตัวนี้
เนื่องจากราคาเป้าหมายยังคงสูงกว่าราคาจองอยู่พอสมควร
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินกล่าวว่า GMMM ไม่ได้เปิดโอกาสให้นักวิเคราะห์เข้าไปทำความเข้าใจกับข้อ
มูลของบริษัทดังกล่าว และส่วนใหญ่โบรกเกอร์หลายแห่งไม่ได้รับทราบข้อมูล ขณะทราบกันว่าหุ้นที่กระจายได้รับการจองเต็มหมดแล้ว
ซึ่งเป็น การจองของสถาบันทั้งหมด
"แต่คิดว่าหุ้น GMMM ที่จะขาย 30 บาท ขณะที่ราคาพาร์ละ 1 บาท ถือว่าเป็นการขายในราคาที่ค่อนข้างสูง
แต่นี่เป็นการประเมินโดยปราศจากข้อมูลพื้นฐานของหุ้น ซึ่งไม่มีข้อมูลมาก
กว่านี้อ้างอิง"
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสินกล่าวว่า ธุรกิจของ
GMMM เป็น การเติบโตตามเศรษฐกิจ และผลประกอบการของบริษัทก็ออกมาดี โดยพัฒสินประเมินราคาไว้ที่
35 บาทต่อหุ้น ดังนั้น การกำหนดราคาจอง ที่หุ้นละ 30 บาท เมื่อเทียบกับราคา
Book value อยู่ที่ระดับ 18 เท่า และP/E ที่ 20 เท่า ถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับกลุ่มธุรกิจนี้
"แต่เมื่อเทียบราคากับพาร์ที่ 1 บาท ราคาหุ้น 30 บาท ในความรู้สึกอาจมองว่าราคาแพงไป
เพราะ Premium ต่อราคาพาร์จะดูสูง แต่เมื่อเทียบกับ EPS แล้ว ถือว่าไม่แพงมากนัก
ผมว่าน่าจะพอซื้อลงทุนได้ จึงนะนำให้ซื้อลงทุนหากมีโอกาสและจองซื้อแต่หากพลาดจากการจองซื้อเพราะมีกระจายน้อย
แนะให้ไล่เก็บหุ้นแม่อย่าง GRAMMY ก็น่าจะดีไม่ต่างกัน ที่สำคัญหุ้นแม่ก็ราคาต่ำลงกว่าแต่ก่อนมาก"
ขณะที่มองว่าวันแรกของการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เชื่อว่าหุ้นนี้จะสามารถยืนปิดตลาดเหนือราคาจองได้
เพราะดัชนีตลาดหลัก ทรัพย์ถือว่าในช่วงนี้ไม่มีความผันผวนเหมือนช่วงที่ผ่านมา
และวานนี้ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY แจ้งผลประกอบการ
งวดไตรมาส 3 ปี 2545 ออกมาว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 160.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรเพียง
63.79 ล้านบาท ส่งผลให้จากที่มีกำไรต่อหุ้นอยู่ 0.13 บาท เป็นมีกำไรต่อหุ้นเพิ่มเป็น
0.33 บาท หรือเพิ่ม ขึ้น 13%
ขณะที่งวด 9 เดือนมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อนคือ 144.84 ล้านบาท เป็น 445.66
ล้านบาท ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มจาก 0.29 บาท เป็น 0.90 บาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นมาก
จากธุรกิจเพลงในประเทศและธุรกิจวิทยุ ขณะที่ผลขาดทุนจากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศลดลง
พร้อมกันนี้ GRAMMY ยังแจ้งมติที่ประชุมของบริษัทด้วยว่า บริษัทได้อนุมัติขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยดังต่อไปนี้ให้แก่บริษัท
จีเอ็มเอ็ม โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นโดย GRAMMY คือ บริษัท
มีฟ้า จำกัด ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนดนตรี มีทุนจดทะเบียน 45 ล้านบาท โดยจำนวน
หุ้นที่จำหน่าย 449,993 หุ้น ราคาขายต่อหุ้น 4.73 บาท
บริษัท แกรมมี่ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ประกอบธุรกิจวางแผนสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์
และการตลาดแบบครบวงจร มีทุนจดทะเบียน 25 ล้านบาท จำนวนหุ้น 249,994 หุ้น
ราคาขายต่อหุ้น 1 บาท และบริษัท กรีน บีนส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจบริหารและจัดการธุรกิจด้านเพลง
จำนวนหุ้น 39,993 หุ้น โดยขายหุ้นละ 13.44 บาท
นอกจากนี้ ยังอนุมัติให้บริษัทย่อยคือ จีเอ็มเอ็ม โฮลอิ้งส์ จำกัด ขายเงินลงทุนในบริษัท
ย่อย คือ บริษัท แกรมมี่ เน็ตเวิร์ค จำกัด ที่ดำเนิน ธุรกิจจำหน่ายและให้เช่าสินค้าเพื่อความบันเทิง
ทุนจดทะเบียน 110 ล้านบาท โดยจำนวนหุ้นที่ขายคือ 1,099,993 หุ้น ราคาหุ้นละ
10.64 บาท
ทั้งนี้ การซื้อขายดังกล่าว เป็นแผนการปรับโครงสร้างการดำเนินงานของ GRAMMY
เพื่อปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความชัดเจน และสะดวกในการบริหารและดูแลด้วย
ที่สำคัญเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะนำบริษัทย่อยในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไปในอนาคต
เหมือนอย่างที่ GRAMMY นำ จีเอ็ม เอ็มมีเดีย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้