|
"บลจ.ฟินันซ่า"ชวนโกอินเตอร์ ถอดใจดอกผลต่ำชนะเงินเฟ้อยาก
ผู้จัดการรายสัปดาห์(13 ตุลาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ผู้จัดการกองทุน "ฟินันซ่า" ประเมินช่วง 6-12 เดือนจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่พุ่งทะยาน ผสมกับราคาน้ำมันที่ดีดตัวสูง จะกดดันกำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.) และผลตอบแทนจากการลงทุน ผสมโรงกับนักลงทุนต่างชาติยังมองตลาดหุ้นไทยไซส์เล็ก ตื้นและแคบ โอกาสแกว่งตัวจึงสูง เงินจากเฮดจ์ฟันด์จึงเข้าออกเร็วไม่ยืนยาว ล่าสุดคลอดกองทุนลงทุนในต่างประเทศ ชวนนักลงทุนขนเงินไปหาดอกผลในต่างประเทศ หลังถอดใจลงทุนในประเทศผลตอบแทนต่ำ ชนะเงินเฟ้อลำบาก
อลาสแตร์ แมคโดนัลด์ ซีเอฟเอ สำนักงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ฟินันซ่า ฉายภาพเศรษฐกิจโลก สถานการณ์ไม่ดีแต่ไม่ถึงกับเลว ส่วนตลาดบ้านเราก็ไม่แตกต่างกันมากนัก มองรวมๆแล้วตลาดจึงค่อนข้างน่าเบื่อ แต่ก็มีข้อยกเว้นว่า ถ้าเงินเงินเฟ้อปรับขึ้นต่อ สถานการณ์จะเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก เพราะถ้าเงินเฟ้อปรับขึ้น ดอกเบี้ยสหรัฐก็ต้องปรับขึ้น ดอกเบี้ยในประเทศก็ต้องปรับตาม
ประกอบกับเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ และผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิ เศรษฐกิจที่คาดจะเติบโต 6% จึงถอยหลังลดลง เมื่อมาดูลึกๆในฝั่งการบริโภคในประเทศพบว่า ไม่ดี แต่ก็พอใช้ได้ เพราะผู้คนต้องจ่ายราคาน้ำมันแพงขึ้น
ซึ่งถ้าภายใน 6-9 เดือนราคาน้ำมันที่คาดว่าจะยืนสูงต่อ ก็เป็นไปได้ว่าจะผลักให้เงินเฟ้อสูงระดับ 5-6% ขณะที่เงินเฟ้อ ต้องใช้ยาขมคือดอกเบี้ยคอยปราบ ดังนั้นดอกเบี้ยก็จะถูกปรับให้สูงขึ้น ในอีกด้านหนึ่งการที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูง ก็เป็นไปได้ยากที่จะเห็นผลตอบแทนจากการลงทุนสูงๆท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีปัจจัยลบท่วมท้น
ขณะที่ตลาดหุ้นไทย การที่ดอกเบี้ยปรับตัวสูงจะส่งผลโดยตรง ถึงแม้จะมีข่าวดีหลังวิกฤตเศรษฐกิจ 7-8 ปีผ่านพ้นไป ราคาหุ้นจะกลับมาถูก โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ถึงกับถูกมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดพันธบัตรก็ยังถือว่าคุ้มค่า
ในฝั่งของบริษัทจดทะเบียนจะได้รับแรงกดดันค่อนข้างมาก จากอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ดังนั้นก็อย่าได้หวังว่าจะเห็นผลตอบแทนจากการลงทุนจะสูงมาก โดยเฉพาะในช่วง 6-12 เดือนนับจากนี้
นอกจากนั้น ต้องยอมรับความจริงที่ว่าในสายตานักลงทุนต่างชาติก็ยังมองว่า ตลาดหุ้นไทย มีขนาดเล็ก ตื้นและแคบ โอกาสแกว่งตัวจึงสูง ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเหล่านี้ยังคงยึดบรรทัดฐานการลงทุนจากดัชนี เอ็มเอสซีไอ เป็นตัววัดการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ ที่ไม่รวมญี่ปุ่น ซึ่งให้น้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยแค่ 3-4%เท่านั้น
อีกปรากฎการณ์หนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ เม็ดเงินที่เข้ามาลงทุนในตลาดบ้านเราเริ่มเปลี่ยนไปมาก จากแต่ก่อนมีกองทุนขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนเป็นเวลา 20-30 ปี ซึ่งหมดยุคไปแล้ว แต่ปัจจุบันการลงทุนเป็นไปในลักษณะ เงินไหลเข้า ออกง่าย และส่วนใหญ่เป็นเงินสั้น ของพวกเฮดจ์ฟันด์(กองทุนบริหารความเสี่ยง)มากกว่า
" เทียบ พีอี และผลตอบแทนจากการลงทุน จะพบว่า บ้านเราถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก ทำให้ช่วงต้นปีฝรั่งเข้าซื้อเยอะ แต่เมื่อรวมกันกับดอกเบี้ย ราคาน้ำมันและตลาดที่มีขนาดเล็ก ต่างชาติก็ยังมองว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแกว่งตัวสูง"
ธีระ ภู่ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ฟินันซ่า บอกว่า สถานการณ์การลงทุนในตลาดบ้านเรา ติดอยู่ 2 อย่างคือ ดอกเบี้ยต่ำ และตลาดหุ้นมีความเสี่ยง ที่แย่กว่านั้นคือ ในฐานะที่ดูแลและบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหน
"การลงทุนในตลาดพันธบัตร ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นก็ช่วยได้ ที่ถือเป็นการลงทุนชนะเงินเฟ้อ แต่ถ้าลงทุนในพันธบัตรอายุยาวถึง 20 ปีก็จะเกิดความเสี่ยง จากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และช่วงนี้กองทุนต่างๆก็หันมาลงทุนพันธบัตรอายุ 3 ปีที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 3-4% เท่านั้น"
ส่วนการลงทุนในตั๋วแลกเงินหรือตั๋วบีอีอายุสั้นก็มีความเสี่ยงจากบริษัทที่มีปัญหา และจะเห็นชัดเจนขึ้นในช่วงดอกเบี้ยปรับตัวสูง โดยสังเกตจากช่วงหลังๆที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ออกมาตักเตือนหลายสิบบริษัทในขณะนี้
ธีระ บอกว่า การจะหันไปเล่นตราสารหนี้เครดิตต่ำๆ ผลตอบแทนสูงก็คงไม่ดี ส่วนการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ก็ยังลบจุดบอดจากการขาดสภาพคล่องไม่ได้ จึงพบว่าหลายกองที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จากเริ่มต้นที่ ราคา 10 บาทเหลือเพียง 8 บาท พอจะขายก็ไม่มีคนซื้อ จึงพบว่าสถานการณ์การลงทุนในประเทศเริ่มจะตีบตันแล้ว
ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศกลับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก ถึงแม้จะมีความเสี่ยงอยู่ การลงทุนถ้าจะลงทุนในละแวกเดียวกันในย่านเอเชีย ที่มีบุคลิกคล้ายกัน เรื่องผลตอบแทนก็คงไม่มากเท่าที่ควร ดังนั้นการลงทุนในระดับโลกจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูงมากกว่า
ธีระบอกว่า ถ้าโจทย์วันนี้ คือต้องการผลตอบแทนเป็นตัวเลข 2 หลัก และไม่มีความเสี่ยงมากเกินไป การลงทุนในประเทศก็คงจะหาไม่ได้แล้ว แต่ถ้าจะตัดสินใจลงทุนในต่างประเทศก็ยังพอหาได้อยู่ ล่าสุดก็ได้ออกกองทุน ยูบีเอส โกลบอล อัลโลเคชั่น ฟันด์ ที่สามารถลงทุนได้ทั่วโลก โดยร่วมกับพันธมิตรคือ ยูบีเอส โกลบอล แอสเสท แมเนจเมนช์
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|