ปิคนิคซื้อธุรกิจก๊าซเหลวบังกลาเทศ ตลท.ขึ้นSPสั่งแจงข้อมูลละเอียดยิบ


ผู้จัดการรายวัน(13 ตุลาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดหลักทรัพย์ฯแขวน SP หุ้นปิคนิค จี้ให้ชี้แจงข้อมูลเทกโอเวอร์บริษัทก๊าซฯในบังกลาเทศละเอียดยิบ ด้านผู้บริหารเผยเหตุซื้อหุ้นเอสเอสพี หวังลุยธุรกิจก๊าซเหลวเพื่อขยายเครือข่าย ธุรกิจครอบคลุมแถบเอเชีย ประเมินรับรู้รายได้ปีละ 400 ล้านบาท เริ่มไตรมาส 4/48 ที่ 100 ล้านบาท ใน 3 ปี รับรู้รายได้ 2,000 ล้านบาท มั่นใจฐานะปิคนิคดีวันดีคืน ตั้งเป้ารายได้ 5 ปีทะลุ 30,000 ล้าน บาท ปัญหาหนี้สินเจรจาสถาบันการเงินเปลี่ยนหนี้ระยะสั้นเป็นระยะยาว หนี้ตั๋วบีอีเหลือ 720 บาท หนี้สิน ต่อทุนเหลือ 0.66 เท่า

นายณัฐชัย อร่ามรัศมีวาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PICNI เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าซื้อ หุ้นบริษัท Summit Surma Petroleum Co., Ltd. (SSP) ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวในประเทศบังกลาเทศ จำนวน 159.07 หุ้น หรือ 90% ของปริมาณหุ้นทั้งหมด จาก Cosmopolitan Traders Private Limited โดยใช้เงิน ลงทุน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 40 ล้านบาท ซึ่ง คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนครั้งนี้ประมาณ 12-13% ซึ่งจะใช้เงินทุนหมุนเวียนของ บริษัทและเงินกู้บางส่วน ขณะเดียวกันได้เซ็นสัญญาขายก๊าซปิโตรเลียมเหลวให้กับ JAMUNA SPACETECH JOINT VENTURE LTD. ประเทศ บังกลาเทศ คาดว่าจะขายก๊าชได้ปีละ 12,000 ตัน

สำหรับผลการดำเนินงานบริษัท SSP มียอดขาย 600-700 ล้านบาท กำไรสุทธิ 10% ของยอดขาย กำไรสะสม 2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 80 ล้านบาท มูลค่าตามบัญชี 186 ล้านบาท หนี้สินจำนวน 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 128 ล้านบาท ซึ่ง PICNI จะมีการรีไฟแนนซ์หนี้ดังกล่าว โดยหันมากู้ที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (EXIM BANK) ซึ่งจะเริ่มดำเนินการใน 1-2 เดือนนี้ เพราะจะได้อัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยบริษัทจะชำระหนี้ภายใน 5 ปี

สำหรับการเข้าซื้อหุ้น SSP ครั้งนี้เพื่อขยายธุรกิจพลังงานให้ครอบคลุมในแถบเอเชีย หลังจากที่ปีที่ผ่านมาที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนในประเทศเวียดนาม ซึ่งบริษัทได้เข้าไปศึกษาการลงทุนในบังกลาเทศเมื่อ มี.ค.-เม.ย.48

"ที่ผู้บริหาร Summit Surma ขายหุ้นให้บริษัทนั้น เพราะบริษัทได้มีการลงทุนในด้าน LPG แต่ไม่มีความชำนาญ จึงมีการเจรจากับปิคนิค ซึ่งมีความชำนาญในด้านธุรกิจดังกล่าวเพื่อขายหุ้นให้"

นายณัฐชัย กล่าวต่อไปว่า บริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้จาก SSP ใน 3 ปี ประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือประมาณปีละ 400 ล้านบาท และคาดว่าในไตรมาส 4/48 จะรับรู้รายได้ประมาณ 100 ล้านบาท การที่บริษัทเข้าลงทุนในบังกลาเทศ เพราะมีอัตราการเติบโตการใช้ LPG ที่สูง 30% ซึ่งมากกว่าการขยายตัวการใช้ในประเทศที่โตเพียง 5% และอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงประมาณ 14-15% จากอัตรามาร์จิ้นในประเทศ 5% โดยตั้งเป้าจะมีมาร์เกตแชร์ที่บังกลาเทศ 30% จากขณะนี้ที่ 10% ซึ่ง จะเริ่มทำการตลาดก๊าซ 4 กก. โดยใช้แบรนด์ ปิคนิคบังกลาเทศ โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนในการดำเนินงานในต้นปี 49

ทั้งนี้บริษัทคาดว่า ภายใน 5 ปี PICNI จะมีรายได้ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี เพิ่มขึ้นหรือเติบโต 3-5% ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของ GDP คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้ 20,000-22,000 ล้านบาท จากปี 47 ที่มีรายได้รวม 6,800 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้ 10,400 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 282.83% จากงวดเดียวกันปีก่อน ที่ 2,722.66 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากธุรกิจน้ำมัน 45% ธุรกิจ LPG 45% และที่เหลือรายได้จากเอนจิเนียริง

ขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถสรุปสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทได้ เพราะต้องรอปิดสมุดบัญชีผู้ถือหุ้น ซึ่งทีมผู้บริหารก็ยังคงเป็นทีมเดิม และขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีการหารือกับตระกูลลาภวิสุทธิสิน ว่าจะถือหุ้นในบริษัทสัดส่วนเท่าไร โดยที่ผ่านมานั้น ภาพลักษณ์ของบริษัทไม่ค่อยดีเท่าไร ก็สะท้อนเพียงแต่ราคาหุ้น แต่ในเรื่องผลประกอบการนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบ

นายณัฐชัย กล่าวว่า บริษัทได้รับเงินจากการ เพิ่มทุนจำนวน 2,216 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้นำเงิน ไปชำระตั๋วเงินระยะสั้น (B/E) 1,600 ล้านบาท ซึ่ง ขณะนี้เหลือหนี้ตั๋ว B/E 720 ซึ่งจะทยอยครบกำหนด โดยปัจจุบันบริษัทมีหนี้ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ระยะสั้น 1,000 ล้านบาท หนี้ระยะยาว 3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้มีการเจรจากับสถาบัน การเงินการเปลี่ยนหนี้ระยะสั้นเป็นหนี้ระยะกลางและยาว ซึ่งมีหนี้สินต่อทุน D/E 0.66 เท่า

ทางด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ(ตลท.) หยุดพักการซื้อขายหุ้น PICNI โดยขึ้นเครื่องหมาย "H" ก่อนจะแขวน SP หรือห้ามการซื้อขายหุ้น ตั้งแต่การซื้อขายภาคบ่ายของวันที่ 12 ต.ค.48 โดยขอให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อหุ้นของ SSP ภายในวันที่ 17 ต.ค. ดังนี้ 1. วิธีการกำหนดราคาซื้อหุ้นของ SSP โดย PI 2. การเข้าไป ลงทุนในครั้งนี้ผ่านมติคณะกรรมการของ PICNI หรือไม่เมื่อใด 3. ความสัมพันธ์ระหว่าง PICNI กับ SSP ในด้านของกรรมการ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่ตลอดจนผู้มีอำนาจควบคุมร่วมกัน 4. ข้อมูล SSP การทำธุรกิจและสรุปฐานะทางการเงินและผลการดำเนินการย้อนหลัง 3 ปี ภาระหนี้สินหรือภาระผูกพันในอนาคตที่ PICNI อาจต้องรับผิดชอบ 5. Ultimate Shareholder ของ Cosmopolitan Traders Private Limited ซึ่งเป็นผู้ขายหุ้น SSP แก่ PICNI 6. ให้แสดงวิธีการคำนวณมูลค่ารายการทั้ง 3 วิธี

ด้านบริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน)(EMC) ชี้แจงข้อมูลความเกี่ยวข้องกับปิคนิคไปยัง ตลท. ว่า ตามงบการเงิน ณ วันที่ 30 มิ.ย. 48 รายการกิจการที่เกี่ยวข้องกัน คือ ต้นทุนก่อสร้างและขาย จำนวน 194.5 ล้านบาท ในงบการเงินของ บริษัทสำหรับงวด 6 เดือน 48 เป็นรายการต้นทุนที่เกิดจากโครงการกิจกรรมการพาณิชย์สินค้าและไปรษณียภัณฑ์ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งปิคนิค เป็นผู้รับเหมาช่วงของบริษัทฯ

ทั้งนี้ในปี 2546 บริษัทอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งเหตุผลที่อีเอ็มซีพิจารณาเลือกปิคนิค คือ ปิคนิค เป็นกิจการที่ให้บริการด้านวิศวกรรมประเภทรับเหมาก่อสร้างและรับเหมาติดตั้งงานต่างๆ ฯลฯ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ มีทุนชำระแล้ว 750 ล้านบาท และ มีความสามารถในการขอสินเชื่อจากธนาคารได้ โดยอีเอ็มซีมีกำไรจากงานจำนวนทั้งสิ้น 15,210,000 บาท บริษัทจึงมีกำไรจากการว่าจ้าง ปิคนิค เป็นผู้รับเหมาช่วง โดยคิดเป็น 3% เกณฑ์สินทรัพย์ เกณฑ์กำไรสุทธิและมูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน เพื่อพิจารณาขนาดรายการการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ฯ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.