|
"ทีดับบลิวแซด"ฤกษ์เทรด18พ.ย. ผู้บริหารมั่นใจรายได้รวมปีนี้พุ่ง
ผู้จัดการรายวัน(12 ตุลาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"ทีดับบลิวแซด" ครึ่งปี 48 รายได้ 1,581.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.51% จากงวดเดียวกันมั่นใจสิ้นปีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท เตรียมบุ๊กบิลดิ้งสัปดาห์หน้า เปิดจอง 7-9 พ.ย. เข้าเทรด 18 พ.ย. นี้ ด้านผู้บริหารมั่นใจได้รับความสนใจจากนักลงทุน ส่วนที่ปรึกษาทางการ เงิน บล.ไซรัส ชี้ช่วงเทรดเหมาะสม
นายพุทธชาติ รังคสิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ ซึ่งประกอบธุรกิจผู้แทนการจำหน่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์สื่อสาร เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวดครึ่งปี 2548 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 1,581.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.51% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,003.76 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 51.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.64% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38.54 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทคาดว่ารายได้รวมปี 2549 เพิ่มขึ้นมากว่า 20% จากปี 2548 ที่คาดว่ามีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2547 ที่มีรายได้รวม 1,908.50 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 58.06 ล้านบาท ซึ่งรายได้ก็จะมาจากการขายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริม โดยมีสัดส่วนรายได้จากขายโทรศัพท์โนเกีย 70% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 50% จากการจับมือกับ บริษัท MLINK อีริคสัน 25% และ โซนี่ 5% ถึงแม้ราคามือถือจะมีการปรับตัวลดลง แต่จะทำให้ปริมาณการขายมากขึ้น ซึ่งจะไม่กระทบกับรายได้ของบริษัท โดยในอีก 1-2 เดือนจากนี้บริษัทจะมีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือ ซีเมนต์อีก 2 รุ่น จากที่ได้มีการเปิดตัวไปแล้ว 2 รุ่น
บริษัทเสนอขายหุ้นจำวน 60 ล้านหุ้น แบ่งเป็นเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไปจำนวน 59 ล้านหุ้น อีก 1 ล้านหุ้น เสนอขายแก่กรรมการ และพนักงานของบริษัท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยภายหลังเสนอขายหุ้นบริษัทจะมีทุน จดทะเบียนชำระแล้ว 240 ล้านบาท โดยบริษัทมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน จากผล ประกอบการที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปเปิดสาขาร้าน TWZ Shop 23 สาขา เปิดร้าน Telewiz Express 8 สาขาและร้าน Telewiz Shop จำนวน 2 สาขา ซึ่งทำให้สิ้นปีนี้มีสาขาทั้งสิ้น 39 สาขา และจะมีการปรับปรุงสาขาอีก 7-8 สาขา โดยคาดว่าใช้เงินทุน 30 ล้านบาท พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศชำระคืนเงินกู้บางส่วน ที่เหลือใช้เป็นเงินทุน หมุนเวียน
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS ในฐานะที่ปรึกษาทาง การเงิน TWZ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า TWZ จะนำเสนอข้อมูลบริษัทให้นักลงทุนสถาบันเพื่อสำรวจความสนใจจองซื้อหุ้น (บุ๊กบิลดิ้ง) ซึ่งปลาย สัปดาห์หน้าจะมีการกำหนดราคาหุ้น โดยจะมีการ เปิดจองซื้อหุ้นในวันที่ 7-9 พ.ย. และเข้าซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 18 พ.ย.นี้
ทั้งนี้เชื่อว่าการเข้าซื้อขายในช่วงเวลาดังกล่าว เหมาะสม ถึงแม้ภาวะตลาดจะไม่ดีมาก ซึ่งตอนนี้ ดัชนีอยู่ที่ ประมาณ 700 จุด เพิ่มขึ้นจากก่อน หน้าที่ 600 จุดก็ถือว่าดีขึ้น และก็ไม่มีปัจจัยลบ เข้ามา รวมถึงภาพเศรษฐกิจโดยรวมก็ปรับตัวดีขึ้น ดังนั้น จึงไม่กังวลในเรื่องภาวะตลาด
สำหรับในปีนี้ SYRUS เป็นที่ปรึกษาทาง การเงินในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาดเอ็มเอไอ จำนวน 3 บริษัท คือ บริษัท สตาร์ทาริซาร์รีแวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STAR บริษัท ซีไอ กรุ๊ป หรือ CIG และ TWZ โดยปีหน้าเบื้องต้นรับเป็นที่ปรึกษาแล้วจำนวน 2-3 บริษัท คาดว่ายื่นไฟลิ่งในปีหน้า
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์กล่าวว่า จากการเตรียมตัวที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัก-ทรัพย์ฯ ของบริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน หรือ TWZ คาดว่าน่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมากเนื่องจากจุดเด่นหนึ่งของบริษัทดังกล่าวเป็นพันธมิตรกับกลุ่มบริษัท ชิน คอปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SHIN ซึ่งน่าจะได้รับประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว โดยบริษัทได้รับสิทธิบริหารร้านเทเลวิซ จากบริษัท แอดวานซ์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 2537 รวมถึงการได้รับการแต่งตั้งใก้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จากผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำของโลก เช่น โซนี่ อิริคสัน โมบาย คอมมูนิเคชั่น (ประเทศไทย) ซีเมนส์ และเบนคิว (ประเทศไทย)
นอกจากนี้ ความสามารถของผู้บริหารของบริษัทที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงธุรกิจของบริษัทมาเป็นเวลานานน่าจะสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้
ทั้งนี้ ลักษณะธุรกิจที่ใกล้เคียงกันของบริษัทกับบริษัท บลิส- เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS และบมจ.เอ็มลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น MLINK จะช่วยเพิ่มการแข่งขันในเชิงธุรกิจมากขึ้น โดยเชื่อว่าแนวโน้มของธุรกิจขายมือถือในปัจจุบันยังมีโอกาสการเติบโตอีกมาก เนื่องจากความต้องการของสินค้ายังมีสูงและกลุ่มลูกค้าหลักยังคงต้องการความทันสมัยและแอปพลิ-เคชันครบวงจร
"เราเชื่อว่าความน่าสนใจของนักลงทุน หากจะประเมินจากความเกี่ยวข้องกับหุ้นในกลุ่มชิน น่าจะทำให้นักลงทุนให้ความสนใจเข้าลงทุนในบริษัท ประกอบกับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจยังมีเพราะประชาชนยังคงมีความต้องการใช้โทรศัพท์มือถือในระดับที่สูง" แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับเรื่องการกำหนดราคาเชื่อว่าบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินจะกำหนดโดยพิจารณาจากค่าพีอีเรโซของหุ้นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัท โดยเชื่อว่าราคาที่จะกำหนดค่าพีอีจะต่ำกว่าราคาของหุ้นกลุ่มอย่างแน่นอน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|