จัดสรรรายกลางดักกำลังซื้อรอบสุวรรณภูมิ


ผู้จัดการรายวัน(12 ตุลาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

จัดสรรรายกลางสวนกระแสตลาดอสังหาฯชะลอตัว พาเหรดผุดโครงการต่อเนื่อง กลุ่มเจ้าของธุรกิจโรงพยาบาลกรุณาพิทักษ์ นักสะสมแลนด์แบงก์ตัวยง เตรียมปูพรมโครงการใหม่หลายทำเลไม่ต่ำกว่า 7 แห่ง พุ่งเป้าจับกลุ่มระดับล่างราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท คาดเมกะโปรเจกต์ของรัฐกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านโครงการที่กลุ่มบัวทองพร็อพเพอร์ตี้บริหาร "สินสุขนครินทร์-นครสิน" เร่ง ผลิตสินค้าคอนโดฯ-ทาวน์เฮาส์ระดับล่างต่ำกว่า 2 ล้านบาท เจาะโซนศรีนครินทร์-เทพารักษ์ รับสุวรรณภูมิ ขณะที่เจ้าภาพเงินกู้หนีไม่พ้น บง. เกียรตินาคินฯ

ถึงแม้จะมีหลายฝ่ายออกมาวิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเข้าสู่ภาวะชะลอตัว จนส่งผลให้ผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ชะลอเข้าสู่ตลาด เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ทำให้ สภาพตลาดเปลี่ยนแปลงไปจากในช่วง ที่เคยเติบโตในปี 2545-2547 อาทิ แนวโน้มอัตรา ดอกเบี้ยในช่วงขาขึ้น ที่ชัดเจน ความผันผวนของราคาน้ำมัน ทำ ให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งผลต่อเนื่อง ก็คือ การก่อสร้างบ้านใหม่ที่ออกสู่ตลาดจะต้องปรับตัวตามต้นทุนที่มากขึ้น ขณะที่ด้วย ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อที่ขยับขึ้น ได้สร้างแรงกดดันต่อกำลังซื้อของ ผู้บริโภคลง

ถึงกระนั้น ก็ยังปรากฏให้เห็นว่า ผู้ประกอบการรายขนาดกลางและล่าง ยังมองเห็นช่องทางในการทำตลาด และเริ่มขยับขยายการลงทุนใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจรพ.งัดที่ดินเก่าพัฒนา

ดร.ศักดา บุณยรักษ์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท โกลด์แมน จำกัด เปิดเผยถึงตลาดอสังหาฯในช่วงปี 48 นี้ว่า แม้จะอยู่ในช่วงขาลงเพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านน้ำมันเป็นหลัก อีกทั้งผลพวงจากคลื่นยักษ์สึนามิ ได้ส่งผลให้ทัวร์จากต่างประเทศ ไม่ค่อยเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมาก นัก ทำให้เงินสะพัดน้อยกว่าปีก่อน แต่ ตนเชื่อว่าจากนโยบายของภาครัฐในปี 49 ที่จะมีโครงการเมกะโปรเจกต์เกิดขึ้นอีกหลายโครงการนั้น จะส่งผลให้มีเงินสะพัดมากขึ้น โดยเฉพาะในย่าน สุวรรณภูมิ

โดยในปี 2549 บริษัทมีแผนจะนำที่สะสม (แลนด์แบงก์) ขึ้นมาพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมแล้ว ประมาณ 7 โครงการ ส่วนใหญ่เป็น ที่สะสมมากว่า 10-40 ปี และบางส่วน ซื้อมาจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) เมื่อปี 47 ที่ผ่าน มา มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งที่ดินดังกล่าวจะนำมาพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวพร้อมขาย ขนาด 50 ตารางวาขึ้นไป (พิจารณาตารางประกอบ)

"ก่อนที่เราจะพัฒนาแต่ละโครงการขึ้นมา จะต้องมีการสำรวจความต้องการของตลาดแต่ละทำเลเสียก่อน หากตลาดยังขาดสินค้าอยู่เราก็จะพัฒนาขึ้นมาทันที และทุกโครงการจะพัฒนาภายใต้แบรนด์ รีซอร์ต้า และต่อท้ายด้วยทำเลที่เราเข้า ไปพัฒนา ด้านเงินทุนสนับสนุนทุกโครงการในเขตกรุงเทพฯนั้น จะมาจากบริษัทเงิน ทุนเกียรตินาคินฯ คิดเป็นวงเงินทั้งหมดประมาณ 5,000 ล้าน บาท ซึ่งสาเหตุที่เกียรตินาคินปล่อยกู้ให้ เราเพราะ มีความเชื่อถือในตระกูล ของเรามาก่อน" ดร.ศักดา กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัท อยู่ในระหว่างการพัฒนาโครงการ "รีซอร์ต้า" ตั้งอยู่ในซอยอมร ถนนนางลิ้นจี่บนพื้นที่ 3 ไร่ครึ่ง ในรูปแบบของคอนโดมิเนียมสไตล์ รีสอร์ต จำนวน 3 อาคารๆละ 8 ชั้น จำนวนประมาณ 300 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 900 ล้านบาท มียอดขาย แล้วกว่า 50% คาดว่าจะสามารถเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าบางส่วนได้ ในกลางปี 49 ซึ่งเมื่อถึงช่วงระยะเวลา นั้นโครงการดังกล่าวคงจะมียอดขายได้ประมาณ 90% แล้ว

ในย่านนี้ จะไม่มีคอนโดมิเนียม สไตล์รีสอร์ต ที่ให้พื้นที่ส่วนกลางบนที่ดินเช่นโครงการรีซอร์ต้าอย่างแน่นอน เพราะโครงการคอนโดฯส่วนใหญ่จะมีพื้นที่ส่วนกลางบนตัวอาคารแทบทั้งสิ้น และลูกค้าในโครงการของเราส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยมากกว่า 80%Ž ดร.ศักดากล่าว

ขณะที่แลนด์แบงก์ที่สะสมเองและเป็นของครอบครัวยังมีอยู่อีกหลายแปลง ทั้งในกทม.และต่างจังหวัด ได้แก่ บริเวณกลางหาดหัวหิน ช่วงระหว่างโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัลและเขาตะเกียบ บนพื้นที่ประมาณ 16 ไร่ ซึ่งสะสมมาได้ประมาณ 40-50 ปีแล้ว, ที่ดินที่ จ.เพชรบุรี ตั้งแต่แหลมผักเบี้ย, หาดเจ้าสำราญและชะอำ ซึ่งทุกแปลงจะติดทะเลทั้งหมด และอยู่ติดกับที่ดินของกลุ่มเบียร์ช้างด้วย รวมทั้งหมดกว่า 1,000 ไร่

นอกจากนี้ ยังมีที่ดินบริเวณ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ อีกกว่า 100 ไร่ บริเวณย่านพุทธมณฑลสาย 2, 3, 4 รวมหลาย 100 ไร่, ที่ดินบริเวณซอยสาทร 1 เยื้องกับพันธุ์ทิพย์คอร์ทกว่า 10 ไร่, บริเวณถนนวิภาวดี ซ.60 ประมาณ 50 ไร่, ที่ดินบริเวณติดกับสน.พหลโยธินอีกกว่า 10 ไร่ รายเล็กยึดโซนรอบสุวรรณภูมิ

นางสาวแววใจ โกสุมขจรเกียรติ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สินสุขนครินทร์ จำกัด ผู้ประกอบการโครงการคอนโด มิเนียม "เดอะคอนเน็กซ์" กล่าวว่า บริษัทสินสุขนครินทร์ เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท Shiu pong จำกัด (ประเทศแคนาดา) ถือหุ้น 49% และ บริษัท Prominent จำกัด ถือหุ้น 51% เพื่อเข้ามาพัฒนาธุรกิจอสังหาฯในประเทศไทย โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มพัฒนาโครงการแรกคือ คอนโดมิเนียมคาสิต้าส์ (Casitas) เป็นอาคารชุด 2 อาคาร จำนวน 192 ยูนิต มูลค่าขาย 300 ล้านบาท

สำหรับการแข่งขันในตลาดคอนโดฯย่านศรีนครินทร์ ถือว่าไม่รุนแรง เพราะยังมีคู่แข่งน้อยราย แต่เชื่อว่าศักยภาพและทำเล ซึ่งจะได้รับอิทธิพลจากโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ จะทำให้กำลังซื้อเริ่มขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มนักธุรกิจ และผู้ทำงานเกี่ยวกับธุรกิจการบิน ที่คาดว่าจะมาเริ่มงานในสนามบินสุวรรณภูมิกลางปี 2549

ขณะที่ นางสาวมุจลินทร์ นานัครสิน กรรมการ บริษัท นครสิน จำกัด ผู้ประกอบการโครงการทาวน์เฮาส์ แบรนด์ "มัณฑิรา" ย่านเทพรักษ์ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการแรก ที่บริษัทเข้ามาพัฒนา โดยเชื่อมั่นว่าจากศักยภาพของทำเล และโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐบาล อาทิ สนามบินสุวรรณภูมิ รถไฟฟ้า และโครงข่ายต่างๆ จะช่วยให้เกิดการ ขยายตัวของที่อยู่อาศัยในพื้นที่มากขึ้น ประกอบกับในย่านเทพารักษ์ เป็นเขต พื้นที่ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมทำให้มีแรงงานจำนวนมากที่ต้องการที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะหลังจากที่มีการเปิดใช้สนามบินแล้วจะทำให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานจากย่านดอนเมืองเข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก

ทั้งนี้ โครงการมัณฑิรา จึงถือว่า เป็นโครงการที่ตอบสนองกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และ กำลังจะย้ายเข้ามาเพราะเป็นที่อยู่อาศัยขนาดที่เหาะสมกับความต้องการ และราคาขายที่เหมาะสมกับกำลัง ซื้อ ของกลุ่มพนักงานการบินไทย และผู้บริหารที่มีรายได้ประมาณ 20,000-30,000 บาทต่อเดือน ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินสะสมอยู่ที่อำเภอเสนา 100 ไร่ เลียบถนน ประชาอุทิต เขตบางมด 20 ไร่ และถนน 345 ปทุมธานี 40 ไร่


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.