ทอยส์ "อาร์"อัส ปักธงตลาดไทย ผนึกซีพีเอ็น-คาร์ฟูร์ปูพรม 10 สาขาใน 3 ปี


ผู้จัดการรายวัน(12 ตุลาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

กลุ่มลีแอนด์ฟุง ถือลิขสิทธิ์ ทอยส์ อาร์ อัส ยักษ์ของเล่น เด็กบุกตลาดไทย ผนึกพันธมิตรด้านทำเล ซีพีเอ็นกับคาร์ฟูร์ หวังปูพรม เปิด 10 สาขาภายใน 3 ปี ทุ่มงบไม่ต่ำกว่า 200-300 ล้านบาท ลุย 3 รูปแบบ คาดรายได้ 1,500 ล้านบาท นายปีเตอร์ แชทส์ ผู้บริหารสูงสุดของ ทอยส์ "อาร์" อัส เอเชีย ในเครือของลีแอนด์ฟุงกรุ๊ป กล่าวว่า ทอยส์ "อาร์" อัส เอเชีย เป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์ แฟรนไชส์เปิดร้านค้าปลีกของเล่นเด็ก จากบริษัท ทอยส์ "อาร์" อัส อินเตอร์ เนชั่นแนล ซึ่งเป็นเจ้าของจากอเมริกา โดยรับผิดชอบครอบคลุมตลาดเอเชียทั้งหมด ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ กลุ่มลีแอนด์ฟุงได้เปิดสาขาแรกของร้าน ทอยส์ "อาร์" อัส ที่สิงคโปร์ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ปัจจุบันมีจำนวนร้านที่อยู่ภายใต้การบริหารของทอยส์ อาร์ อัส เอเชียสิ้นสุดเดือนกันยายน 2548 ประมาณ 36 สาขา คือ ฮ่องกง 9 สาขา, สิงคโปร์ 6 สาขา, มาเลเซีย 8 สาขา, ไต้หวัน 13 สาขา ซึ่งมีหลายรูปแบบกระจายกันไปคือ แฟลกชิบสโตร์ แซทเทิลไลต์ และคอนวีเนียนสโตร์

โดยตั้งเป้าหมายที่จะมีสาขาให้ได้มากกว่า 50 สาขาในเอเชียภายในปี 2550 ทั้งนี้เตรียมที่จะขยายธุรกิจเข้าไปยังประเทศฟิลิปินส์ และประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ ล่าสุดได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 5

อย่างไรก็ตาม ร้านทอยส์ อาร์ อัส ทั่วโลกในปัจจุบันมีจำนวนกว่า 1,500 สาขา กระจายใน 30 ประเทศทั่วโลก ซึ่ง มีทั้งการขายแฟรนไชส์และการลงทุนเอง ของบริษัท ทอยส์ "อาร์" อัส อินเตอร์เนชั่นแนล ส่วน ทอยส์ "อาร์" อัส ใน เอเชียนั้น มีพื้นที่รวมกันมากกว่า 5 แสน ตารางฟุต มีสินค้ามากกว่า 10,000 ชนิด แบ่งเป็นประเภทสินค้า 99 ประเภท และ ยังมีสินค้ามากกว่า 500 ชนิดในแต่ละประเภท มีพนักงานประจำร้านมากกว่า 800 คน ให้บริการลูกค้ากว่า 10,000 คน ทั้ง 35 สาขาใน 4 ประเทศที่เปิดบริการแล้ว

นายมานิตย์ เลิศสาครศิริ ผู้จัดการ ใหญ่ประจำประเทศไทย ในนามบริษัท ทอยส์ รีเทลลิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดของเล่นเด็กในไทยถือได้ว่ามีศักยภาพพอสมควร แต่ที่ ทอยส์ "อาร์" อัส เพิ่งจะเข้ามาเปิดตลาดทั้งๆ ที่ได้ลิขสิทธิ์ในเอเชียมานานแล้ว และทำตลาดในประเทศอื่นมานาน เนื่อง จากว่าขณะนี้มีความพร้อมแล้วเพราะต้อง ทำการศึกษาถึงความเหมาะสม และโอกาสทางการตลาดให้เรียบร้อยก่อน

สำหรับแผนการลงทุนในไทยนั้น ภายใน 3 ปีจะเปิดสาขาให้ได้ครบ 10 สาขา กระจายตามหัวเมืองใหญ่ ใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 200-300 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นการเปิดใน 3 รูปแบบประกอบ ด้วย แฟลกชิบสโตร์ พื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางเมตร คาดว่าจะมีสาขาเดียว รูปแบบแซทเทิลไลท์ ขนาดกลาง พื้นที่ 1,000-2,000 ตารางเมตร และรูปแบบคอนเวีเนียนสโตร์ ขนาดพื้นที่ 600-800 ตารางเมตร ซึ่งจะผนึกกับพันธมิตรทางด้านทำเลสองรายใหญ่คือ บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็นและคาร์ฟูร์ คาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 500 ล้าน บาทภายในปีหน้า และเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาทในอีก 3 ปีจากนี้

ทั้งนี้ บริษัทฯจะเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลซิตี้บางนาในปลายเดือนพฤศจิกายนศกนี้ พื้นที่ 1,978 ตารางเมตร บนชั้น 6 ลงทุนมากกว่า 60 ล้านบาท

ส่วนสาขาต่อไป จะเปิดที่คาร์ฟูร์พระรามสี่ ชั้นล่าง พื้นที่ประมาณ 1,124 ตารงเมตร จะเปิดประมาณปลายปี ส่วนสาขาที่สามจะเปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 5 พื้นที่ 2,268 ตารางเมตร จะเป็นรูปแบบแฟลกชิบสโตร์ในไทย จากนั้นจึงจะเริ่มเปิดตามหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัด

สินค้าของเล่นเด็กที่จำหน่ายในร้านนั้นจะมีการแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ 7 โซน เพื่อความสะดวกในการหาซื้อสินค้า โดยมีสินค้ามากกว่า 10,00 เอสเคยู เจาะกลุ่มเป้าหมายหลัก อายุระหว่างแรกเกิดถึง 15 ปี ซึ่งสินค้าจะมีทั้งจากสินค้าที่ผลิตในไทยของคนไทยเอง สัดส่วนเริ่มต้นประมาณ 15% และจะเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกนั้นเป็นสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ

ในช่วงแรกของการเปิดตัวได้ตั้งงบประมาณการตลาดไว้ถึง 20 ล้านบาท ซึ่งจะซื้อสื่อโฆษณาครบวงจรทั้ง สิ่งพิมพ์ บิลบอร์ด สื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย เป็นต้น รวมทั้งจะมีการโรดโชว์ไปตามสถานศึกษาที่เป็นกลุ่มเป้าหมายนำโดย "เจฟฟรี่" ซึ่งเป็นแมสคอ ทอยส์ "อาร์" อัส ด้วย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.