เวิร์คพอยท์ฯสยายปีกบันเทิง คุยโวพร้อมตั้งสถานีรับกสช.


ผู้จัดการรายวัน(4 ตุลาคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

เวิร์คพอยท์พร้อมรับกสช. เผยแผนธุรกิจช่วงโค้งท้ายปี เตรียมขยายธุรกิจสู่ภาพยนตร์เป็นครั้งแรก จับมือสหมงคลฟิล์มร่วมลงทุนสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกออกฉายมี.ค.ปีหน้า ตั้งบริษัทใหม่เจาะตลาดภาพยนตร์โดยเฉพาะและร่วมลงทุนอีก 2 บริษัทรุกธุรกิจโทรทัศน์เต็บสูบ ด้านธุรกิจสิ่งพิมพ์เตรียมออกนิตยสารแนวครีเอตจับกลุ่มวัยรุ่น เดินหน้าปรับเปลี่ยนและเพิ่มผังรายการใหม่ มั่นใจสิ้นปียอดรายได้โต 30%

นายปัญญา นิรันดร์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) เกิดขึ้นเป็นผลดีต่อธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์เพราะจะสร้างความเท่าเทียมกันในการดำเนินธุรกิจ ในส่วนของบริษัทเวิร์คพอยท์ฯมีศักยภาพที่แข็งแรงพอและมีความพร้อมในการทำงานตามนโยบายของกสช.หรือเพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บท ของกสช.ที่คาดว่าจะออกได้อีก 6 เดือนข้างหน้านี้ โดยแนวทางการทำงานแบ่งออกเป็น 3 แนวทางคือ การทำงานร่วมกับพันธมิตร, การทำรายการป้อนสถานี และการตั้งสถานีเอง

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 เดือนของปีนี้ บริษัทฯได้ขยายธุรกิจสู่ภาพยนตร์เป็น ครั้งแรก ด้วยการร่วมลงทุนกับค่ายสหมงคลฟิล์มฝ่ายละ 50% จากงบลงทุน 43 ล้านบาท ในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "โหน่ง-เท่ง นักเลงภูเขาทอง" ซึ่งเป็นหนังแนวบู๊ตลกสไตล์แก๊ง 3 ช่าที่ออกอากาศในรายการชิงร้อยชิงล้าน จะเริ่มฉายประมาณมีนาคมปี คาดจะมีรายได้ 27 ล้านบาท จาก 3 ช่องทาง ได้แก่ ขายดีวีดี 15 ล้านบาท, ขายลิขสิทธิ์หนัง 10 ล้านบาทและขายลิขสิทธิ์ให้สถานี ช่อง 7 จำนวน 2 ล้านบาท ซึ่งหากคิดเป็นเงินลงทุนจริง จึงเหลือ 16 ล้านบาท ซึ่งหากหนังทำรายได้ถึง 32 ล้านบาทบริษัทฯถึงจะเท่าทุน

การที่เข้ามาธุรกิจภาพยนตร์และร่วมมือกับทางสหมงคลฟิล์ม เนื่องจากมองว่ามีความเสี่ยงน้อย และโอกาสกำไรมีมาก จากการที่เวิร์คพอยท์ฯมีทีมงานและบุคลากรที่มีดีมีศักยภาพ โดยจะให้บริษัทหัวฟิล์มท้ายฟิล์ม จำกัด เป็นผู้ดำเนินการผลิตซึ่งใน ด้านการทำพีอาร์เราก็จะทำผ่านช่วงเวลาของรายการ ทางโทรทัศน์ของเวิร์คพอยท์ที่มี 17 รายการ ส่วนทาง สหมงคลฟิล์มเองก็มีศักยภาพทางธุรกิจภาพยนตร์ที่แข็งและมีอิทธิพลต่อโรงหนัง หรือสายหนัง

ตั้งบริษัทใหม่และร่วมทุน 2 แห่ง

นายปัญญา กล่าวด้วยว่า บริษัทฯได้ขยายธุรกิจด้วยการตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท หัวฟิล์ม ท้ายฟิล์ม จำกัด ภายใต้ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้าง, กำกับ, เขียนบท และผลิตภาพยนตร์เป็นหลัก ซึ่งบริษัทฯตั้งเป้าใน 1 ปีจะผลิตภาพยนตร์จำนวน 2 เรื่อง นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ร่วมลงทุนกับนายเพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือหม่ำ จ๊กมก ตั้งบริษัทบั้งไฟ สตูดิโอ จำกัด ภายใต้ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดยสัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็นเวิร์คพอยท์ 60% และหม่ำ 40% เพื่อผลิตรายการโทรทัศน์และสื่อบันเทิงทุกรูปแบบ ซึ่งรายการแรกที่ทำ ได้แก่ รายการวาไรตี้หม่ำโชว์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ 1 ต.ค. 48 ทางช่อง 5 เวลา 20.15-21.15 น. รวมถึงยังได้ร่วมลงทุนกับกลุ่มผู้ บริหารโต๊ะกลมโทรทัศน์ จำกัด เพื่อผลิตสื่อบันเทิงเต็มรูปแบบ

รุกสิ่งพิมพ์เตรียมออกหัวใหม่จับ-ปรับผังรายการ

ปีนี้บริษัทฯมีแผนรุกธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์มากขึ้นภายใต้บริษัทเวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง จำกัด โดยเตรียมออกนิตยสารแนวครีเอต เพื่อเจาะกลุ่ม วัยรุ่น คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงเดือนธ.ค.นี้ ปัจจุบันบริษัทฯมีสื่อสิ่งพิมพ์ 1 หัว คือ เกมแก้จน

นอกจากนี้บริษัทฯยังได้มีการปรับผังรายการออกอากาศ เช่น โคกคูนตระกูลไข่และกล่องดำ รวมถึงมีรายการใหม่ทดแทนรายการเดิม เช่น ครัวตัวเอ้แทนรายการเกมแก้จน และซิกส์เซนต์แทนโซฟา อเวย์ รวมปัจจุบันบริษัทฯมีรายการทั้งหมด 17 รายการ ซึ่งการถ่ายทำรายการต่างๆ บริษัทฯได้เช่าสตูดิโอของคนอื่น ดังนั้นบริษัทฯจึงได้ลงทุน 400 ล้านบาทสร้างสตูดิโอเองที่แถวรังสิตคาดว่าเดือนมี.ค.ปีหน้าจะสร้างเสร็จ

สำหรับโครงสร้างบริษัทเวิร์คพอยท์ฯ แบ่งเป็น 1. สายธุรกิจโทรทัศน์ซึ่งเป็นรายได้หลัก คิดเป็นสัดส่วน 90% มี 3 บริษัทในเครือ คือ บริษัทคำพอดี จำกัด, บริษัท โต๊ะกลมโทรทัศน์ จำกัด และบริษัทบั้งไฟ สตูดิโอ จำกัด 2. สายสื่อสิ่งพิมพ์มีบริษัทเวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง จำกัด และสายธุรกิจภาพยนตร์มีบริษัท หัวฟิล์ม ท้ายฟิล์ม จำกัด และบริษัท บ้านอิทธิฤทธิ์ จำกัด สำหรับยอดรายได้ปีนี้คาดว่ายอดรายได้จะโตขึ้น 30% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 848 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.