|
เกียรตินาคินยื่นขอเทรดกลุ่มแบงก์ ตั้งเป้าสินทรัพย์-เงินฝากสิ้นปีโต10%
ผู้จัดการรายวัน(4 ตุลาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ธนาคารเกียรตินาคิน ยื่นตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอย้ายเข้าเทรดกลุ่มธนาคาร หลังเปิดทำธุรกรรมวันแรกวานนี้ คาดสิ้นปีนี้สินทรัพย์มีไม่ต่ำกว่า 7 หมื่นล้านบาท และเงินฝาก 5 หมื่นล้านบาท ขยายตัวจากครึ่งแรก 10% ผู้บริหารประกาศขอเป็นธนาคารขนาดเล็กที่มีการเติบโตดีกว่าแบงก์ใหญ่ มุ่งทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ
นายสุพล วัธนเวคิน ประธานกรรมการ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังเปิดดำเนินธุรกรรมธนาคารพาณิชย์อย่างเป็นทางการวันแรก ว่า วานนี้ (3 ต.ค.) ธนาคารได้ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขอย้ายหลักทรัพย์จากการซื้อขายในหมวดบริษัทเงินทุน เป็นหมวดธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วันจะสามารถย้ายเข้าไปซื้อขายในหมวดธนาคารพาณิชย์ได้
"การปรับฐานะเป็นธนาคารพาณิชย์ จะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับธนาคารได้มากขึ้น สังเกตจากสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนขณะนี้เต็มเพดานที่สัดส่วน 44% ตามที่ได้ยื่นไว้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)"
สำหรับประเด็นการเข้ามาครอบงำธุรกิจสถาบันการเงินของนักลงทุนต่างชาตินั้น นายสุพล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ยากเมื่อเทียบกับธุรกิจ อื่น เพราะมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขมาก รวมทั้งจะต้องขออนุญาตจากธปท. และธนาคารเกียรตินาคินเองไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยเงินลงทุนหรือพันธมิตรจากต่างประเทศ
ด้านแผนการดำเนินงานนั้น ธนาคารคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะมีสินทรัพย์รวมไม่ต่ำกว่า 70,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน 64,000 ล้านบาท หรือขยายตัวประมาณ 10% ซึ่งขยายตัวเท่ากับเงินฝากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 ล้านบาท จากครึ่งแรกมีเงินฝากอยู่ที่ประมาณ 47,000 ล้านบาท
หลังการดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ ธนาคารจะเน้นความเป็นธนาคารขนาดเล็กแต่มีการเติบโตที่ดีกว่าธนาคารขนาดใหญ่ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น สินเชื่อเช่าซื้อหรือสินเชื่ออุปโภคบริโภค คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของสินเชื่อรวม สินเชื่อให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 25% และส่วนที่เหลือสินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และสินเชื่ออื่นๆ
ธนาคารยังคงเน้นการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 5-7% ของตลาดรวม หรืออยู่อันดับ 6 โดยเน้นการปล่อยสินเชื่อรถยนต์เก่าเป็นหลัก หรือ มีสัดส่วนประมาณ 70% ส่วนรถใหม่มีสัดส่วนอยู่ 30%
สำหรับแผนการขยายสาขาในปีนี้ ธนาคารจะมีสาขารวมสำนักงานใหญ่ ทั้งสิ้นรวม 17 แห่ง และในปีหน้าจะเพิ่มอีก 3-4 แห่ง และในปี 2550 จะเพิ่มเป็น 42 แห่ง โดยสาขาส่วนใหญ่จะอยู่ในต่างจังหวัด ส่วนในกรุงเทพฯ จะมี 7 แห่ง โดยจะขยายตัวหัวเมืองที่สำคัญ
ขณะที่การระดมเงินฝาก ธนาคาร จะเน้นเงินฝากที่มีอายุประมาณ 2 ปี วงเงินเฉลี่ยแต่ละบัญชี 1 ล้านบาท เพื่อรองรับสถาบันประกันเงินฝากจัดตั้งขึ้นในอนาคต รวมถึงเงินฝากลูกค้า ขนาดใหญ่ โดยธนาคารให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 0.5% ทั้งนี้ใน 3 ปีข้างหน้าธนาคารจะมีสัดส่วนของบัญชีออมทรัพย์ 20% ส่วนอีก 80% เป็นบัญชีเงินฝากประจำ ซึ่งจะสอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|