|
"หมอเสริฐ"หวั่นเป็นฮับยาก ชี้การท่าฯบริหารไม่คล่องตัว
ผู้จัดการรายวัน(3 ตุลาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"หมอเสริฐ" เชื่อสนามบินสุวรรณภูมิไทยเป็นศูนย์กลางการบินได้ไม่ยาก ชี้ไทยมีศักยภาพ หวั่นแต่การบริหารงานของบริษัท ท่าอากาศยานไทยฯ ไม่คล่องตัว ชี้ต้องปรับการบริหารจัดการงานใหม่ให้มีประสิทธิภาพแนะรัฐเร่งปรับโครงข่ายสาธารณูปโภคในการเดินทางให้รองรับการเปิดสนามบินในปีหน้า
หลังจากการเปิดทดลองใช้สนามบินสุวรรณภูมิ อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศว่าจะให้สนามบินสุวรรณภูมิแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชีย โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้ในเดือน มิ.ย.ปีหน้าและมีท่าทีที่ลังเลว่าจะเปิดให้บริการได้หรือไม่เพราะมีปัจจัยภายนอกมากระทบจนไม่แน่ใจว่าจะเปิดให้บริการได้เมื่อใด
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการธุรกิจการบินเปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่าการเปิดทดสอบใช้สนามบินสุวรรณภูมินั้นเป็นการสร้างภาพที่ต้องการให้ผู้ประกอบการธุรกิจการบินเกิดการยอมรับและมั่นใจว่ารัฐจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถกำหนดความชัดเจนได้ ซึ่งผู้ประกอบการในสนามบินและผู้ประกอบการสายการบินก็ยังไม่มีความชัดเจนในนโยบายรัฐบาล แต่ก็ต้องเดินหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับโครงการในอนาคตที่จะเปิดใช้อย่างแน่นอน
"ถึงแม้ตอนนี้จะต้องมีต้นทุนในเรื่องการขนย้ายอุปกรณ์หรือการลงทุนในการก่อสร้างที่ทำการในสนามบินสุวรรณภูมิก็ต้องทำไปก่อน เพราะตอนนี้รัฐบาลเองยังไม่มีความชัดเจนในนโยบายว่าจะเปิดได้เมื่อไหร่ แต่ก็ส่งผลเสียในเรื่องต้นทุนของผู้ประกอบการเช่นกัน" แหล่งข่าวคนเดียวกัน กล่าว
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่าหากมีการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิในเชิงพาณิชย์ ในช่วงแรกก็คาดว่าไม่ได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ แต่ต้องมีการทยอยเปิดใช้และสนามบินดอนเมืองก็ยังคงเปิดให้บริการเช่นกัน ซึ่งต้องมีการแบ่งพนักงานออกไปทำงานเป็น 2 ชุดซึ่งตรงนี้การท่าฯจะต้องบริหารให้ดีไม่เช่นนั้นมีปัญหา
ด้านนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการบริหารการบินกรุงเทพหรือบางกอกแอร์เวย์ส เปิดเผยถึงนโยบายที่รัฐจะผลักดันสนามบินสุวรรณภูมิของไทยให้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียว่ามีความเป็นไปได้ เพราะไทยเป็นประตูสู่การเดินทางไปยังประเทศต่างๆ แต่ที่ผ่านมาสนามบินดอนเมืองมีความคับแคบ สถานที่ไม่เพียงพอกับผู้ใช้บริการโดยเฉพาะสายการบินจึงทำให้ไทยพลาดโอกาสนี้ไป แต่เมื่อสุวรรณภูมิเปิดใช้เต็มรูปแบบก็คาดว่าจะสามารถแก้ปัญหาความแออัดในสนามบินได้
"รัฐบาลต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเรื่องการบริหารงานของสนามบิน ซึ่งหากจะให้บริหารในรูปรัฐวิสาหกิจหรือในรูปบริษัทท่าอากาศไทยนั้นจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการที่ดี เพราะไม่มีความคล่องตัว ขาดการตัดสินใจรวดเร็วและเสียโอกาสทางธุรกิจ จุดเหล่านี้รัฐต้องเข้ามาปรับปรุงจึงจะสามารถก้าวเข้าสู่การเป็นฮับแห่งเอเชียได้ไม่ยาก" นายแพทย์ปราเสริฐ กล่าว
สำหรับรูปแบบการบริหารงานสนามบินในต่างประเทศนั้นส่วนใหญ่จะมีบริษัทเข้ามาบริหารเต็มรูปแบบ ทำให้เกิดความคล่องตัวและตัดสินใจได้รวดเร็ว แต่ที่ผ่านมาสนามบินดอนเมืองนั้นยังถือว่าไม่คล่องตัวเพราะการขออนุมัติหรืออนุญาต ยังมีขั้นตอนที่ยุ่งยากล่าช้า ทำให้ผู้ประกอบการไม่อยากจะลงทุนอะไรเพิ่มเติมภายในสนามบิน ส่งผลเสียต่อการประกอบธุรกิจ
นายแพทย์ปราเสริฐกล่าวต่อไปว่า อนาคตเมื่อ สนามบินเปิดใช้บริการเต็มรูปแบบ ในปี 2549 ก็คาดว่าจะรองรับผู้โดยสารได้เต็มที่ 45 ล้านคนภายใน 5 ปี หลังจากนั้นก็จะต้องเร่งขยายพื้นที่เพิ่มเติมซึ่งในสนามบินสุวรรณภูมิเองก็มีความพร้อมและยังมีเนื้อที่ๆ จะขยายโครงการต่างๆ มากมาย แต่สิ่ง ที่รัฐจะต้องเร่งพัฒนาในช่วงที่เปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิคือเรื่องโครงข่ายการเดินทางเข้าสนามบิน ขณะนี้ยังไม่มีแผนรองรับให้สอดคล้องกับการเปิดใช้สนามบิน เช่น ถนน ,ทางด่วนหรือรถไฟใต้ดิน ยังมีความล่าช้า ซึ่งหากเปิดใช้แล้วไม่คล่องตัวก็จะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการเดินทางและขนส่งตามมาในอนาคต
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|