ทองคำ:สวรรค์นักลงทุน พี่เบิ้ม-เฮดจ์ฟันด์ช่วยผลักราคา


ผู้จัดการรายสัปดาห์(30 กันยายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

"ทองคำ" เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นจากนักลงทุน หลังราคาพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 18 กว่าปี และยังเป็นสัญญาณดีเมื่อสมาคมค้าทองคำเปรยว่าราคาจะขยับอีก ต้นปีหน้าอาจเห็นถึง 500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้วยปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่คาดว่ายังอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะดีมานด์ที่มีอยู่สูงในจีนและอินเดีย เชื่อทองคำเตรียมปรับฐานใหม่ระยะสั้นก่อนทะยานขึ้นอีก เห็นได้จากเฮดจ์ฟันด์เริ่มส่งสัญญาณปล่อยทำกำไร

ตลาดทองคำ ในช่วงที่ผ่านมายังไม่คึกคักมากนักเหมือนปัจจุบันนี้ โดยย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน จับสถิติพบว่าราคาทองคำอยู่ที่ประมาณ 240 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ในปัจจุบันวิ่งขึ้นมาสูงถึง 464 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การที่ราคาทองคำไต่ขึ้นสูงขนาดนี้ ปัจจัยสำคัญมาจากราคาน้ำมัน เนื่องจาก "ทองคำ"และ"น้ำมัน"มีความสัมพันธ์กันโดยตรง นั่นคือ น้ำมันปรับขึ้น ทองคำก็ทะยานไม่หยุดเช่นกัน

สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงความสัมพันธ์ของทองคำที่เกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจโลกว่า เมื่อพิจารณาความต้องการน้ำมันของประเทศต่างๆทั่วโลกที่ยังมีอยู่สูง โดยเฉพาะการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนที่ถือว่าเป็นช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา ทำให้น้ำมันยังเป็นที่ต้องการสำหรับจีน

"เมื่อความต้องการสูงก็ส่งผลให้ราคาน้ำมันผันผวนจากการเข้ามาเก็งกำไร ส่วนนี้ก็จะส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนต่อสกุลดอลลาร์ ดังนั้นตรงนี้ก็ทำให้นักลงทุนมองดูว่าพอมีช่องทางอื่นหรือไม่ที่ลงทุนแล้วมีความมั่งคงกว่า ซึ่งคำตอบก็คือทอง และนี่คือปัจจัยที่ทำให้ราคาทองปรับตัวขึ้นสูงในช่วงที่ผ่านมา"

ทองคำกลายเป็นทางเลือกการลงทุนเพื่อความมั่นคง เพราะเป็นสมบัติที่มีค่าในตัวเองอยู่แล้ว และแม้ว่าการลงทุนซื้อทองคำแล้วพลาด แต่ด้วยคุณค่าในตัวเองก็กลายเป็นเครื่องประดับได้ ข้อพิเศษตรงนี้จึงทำให้ใคร ๆ ก็มุ่งไปหาทองคำ

นอกจากน้ำมันที่เป็นปัจจัยไล่ให้ราคาทองคำขยับขึ้นตามแล้ว ปริมาณความต้องการใช้ทองในจีนและอินเดียก็เป็นอีกปัจจัยหนุนเช่นกัน

สมพงษ์ วิชิรคพรรณ เลขานุการสมาคมค้าทองคำ บอกว่าความต้องการใช้ทองคำในจีนและอินเดียสูงมากในปีหน้าโดยคาดว่าเฉพาะอินเดียประเทศเดียวอาจใช้ถึง 800 ตัน และจีนเองก็มีความต้องการใช้ไม่แพ้อินเดีย ในขณะที่กำลังการผลิตทองของโลกอยู่ที่ประมาณ 1,000 ตันเท่านั้น ด้วยปัจจัยดังกล่าวจึงผลักให้ราคาทองในปีหน้าขยับต่อสูงขึ้นได้อีก

อย่างไรก็ตามตลาดทองคำก็เหมือนตลาดหุ้น เมื่อดัชนีหุ้นขึ้นสูงก็ต้องมีการลงเพื่อปรับฐาน ราคาทองคำก็เช่นกัน ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็เป็นไปได้ว่าอาจลงเพื่อปรับฐาน

สมพงษ์ บอกว่า เริ่มเห็นสัญญาณของกองทุนเฮจน์ฟันด์ เทขายทำกำไรแล้ว หลังจากที่เข้าซื้อมาพักใหญ่ ดังนั้นช่วงนี้ส่วนใหญ่ที่เข้าไปซื้อจะเป็นรายย่อยมากกว่า แต่สำหรับการลงทุนในทองคำนั้นแนวโน้มยังดีอยู่ อย่างที่กล่าวเพราะความต้องการใช้ทองยังมี และปีหน้าเป็นไปได้ว่าจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสูงนี้จะดันราคาทองขึ้นไปยืนที่ 500 กว่าดอลลาร์ต่อออนซ์

"ตอนนี้เป็นช่วงกองทุนขายทำกำไร ดังนั้นราคาทองคำจะยืนอยู่ที่ 460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สักพักแล้วลงปรับฐานแต่ไม่น่าต่ำกว่า 450ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งน่าจะเป็นจังหวะดีในการซื้อเก็บไว้ เพราะปีหน้าเชื่อว่าราคาจะสูงกว่านี้"

การซื้อทองคำถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่เรียกได้ว่าความเสี่ยงมีเพียงน้อยนิด แม้ว่าผู้ลงทุนอาจซื่อในช่วงจังหวะที่ทองมีราคาแพงก็ตาม แต่ด้วยเนื้อแท้ที่มีคุณค่าในตัวเองอยู่แล้วนั้น จึงทำให้ผู้เล่นไม่รู้สึกขาดทุนทางใจ อีกทั้งการซื้อทองคำนั้นยิ่งถือไว้นาน ก็ยิ่งดีเพราะมูลค่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรคำนึกถึงก่อนลงทุน ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม เงินที่ใช้ลงทุนจะต้องเป็นเงินเย็น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.