|
เทคโนโลยีสื่อสาร จุดชนวนระเบิด บูม ! ธุรกิจยามราตรี
ผู้จัดการรายสัปดาห์(29 กันยายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
เศรษฐกิจทรุด ดอกเบี้ยต่ำติดดิน แต่ธุรกิจหลังอัสดงกลับโตยิ่งกว่าดอกเห็ด แพร่ไปทุกหัวระแหง ทั้งที่เกิดง่าย ตายง่าย แต่ไม่มีใครหวั่น ตัวเลขการเปิดผับพุ่งเหมือนติดจรวด แต่ละปีพรวดอยู่ที่ 50%...อะไรจะปานนั้น นักการตลาด คนในวงการฟันธง เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารเป็นต้นเหตุ จุดชนวนให้ Night Entertainment บูม ! อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แม้จะไม่มีใครประเมินมูลค่าตลาด Night Entertainment อย่างเป็นเรื่องเป็นราวว่ามีตัวเลขจำนวนเท่าไร แต่หลายคนเชื่อว่าน่าจะมีเม็ดเงินหลายหมื่นล้านบาทหมุนสะพัดในแต่ละปี ท่ามกลางการเติบโตปีละ 40-50% เรียกว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สวนกระแสเศรษฐกิจอย่างสิ้นเชิง เห็นได้จากการเปิดตัวผับ บาร์ใหม่ๆขึ้นเต็มไปหมด จากเดิมผุดเฉพาะถนนบางเส้นเท่านั้น แต่ ณ วันนี้กระจายไปทั่วทุกหัวระแหงที่ถนนใหม่ตัดผ่าน
บุญเจริญ อิทธิลลิต กรรมการผู้บริหาร pump-up, I HIP I HOP, renovate และร้านเยาวราช บริษัท รัชดาสแควร์ กล่าวกับ “ผู้จัดการรายสัปดาห์” ว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีผับเกิดขึ้นเยอะมากถึง 60% เรียกว่ากระจายไปทั่วทั้งหมด กินทุกอาณาบริเวณเท่าที่จะเปิดได้ในแหล่งชุมชนใหญ่ๆ และกินถนนไปทั้งเส้น เช่น สุขุมวิท รัชดาภิเษก อาร์ซีเอ ทองหล่อ และถนนเกษตร-นวมินทร์
“ที่ผมให้ตัวเลขการเติบโตมากถึงขนาดนี้เพราะ ตอนนั้นรัชดาซอย 4 ยังไม่มา ตอนนี้มีกี่ร้านค้าเข้าไปแล้ว ซอย 4 เกิดเมื่อปีที่แล้ว ส่วนทองหล่อเกิดเมื่อ 2 ปีที่แล้วตั้งแต่หัวถนนไปยันท้ายถนน ทั้งเส้นเลย” บุญเจริญ ผู้คลุกคลีในธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืนมานานกว่าสิบปี อธิบายให้ฟัง โดยเฉพาะในช่วงนี้มีผับเกิดขึ้นเยอะมากจนผิดปกติ ปีนี้จะเปิดอีกหลายที่เหมือนกัน อาจเป็นเพราะการทำธุรกิจตอนกลางวันมันตกลงมา จากปัจจัยดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน ขณะที่การทำธุรกิจบันเทิงพวกผับมันง่ายลงทุนไม่มาก แต่ผลกำไรจะมากกว่าที่ลงทุน
ผับแตกตัวเพียบ สนองพฤติกรรมคนต่าง
จำนวนของสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ผุดขึ้นอย่างดารดาษ นอกจากจะเกิดเพื่อตอบสนองพฤติกรรมพื้นฐานสำคัญประการที่ 5 ของมนุษย์ คือ ความบันเทิง ซึ่งนับวันมนุษย์มีความต้องการความบันเทิงมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ตลอดจนไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนไปอันเนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลง และอิทธิพลทางด้านความบันเทิงและเทคโนโลยี ทำให้ทิศทางของสินค้าและบริการแทบทุกประเภทได้ถูกสอดแทรกความสนุกหรือความบันเทิงเข้าไปตลอดเวลา
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมของผู้บริโภค เช่น การเกิดพฤติกรรมที่เรียกว่า Adult Aging หรือ Young at Heart คือคนที่ไม่ยอมแก่ หรือแก่แต่ตัวแต่หัวใจยังหนุ่ม
บุญเจริญ บอกว่า จากจำนวนไนท์ เอนเตอร์เทนเมนต์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา สามารถแบ่งออกเป็น 10 กลุ่ม ดังนี้ 1. ผับ 2.ผับแอนด์เรสทัวรองต์ 3.ผับแอนด์บาร์ 4.โคโยตี้ผับ 5.คาเฟ่ 6.อาบอบนวด 7.คาราโอเกะ 8.คาราโอเกะแบบมีโคโยตี้ 9.คอกเทลเลาจน์ 10.คอกเทลเลาจน์แบบมีโคโยตี้ และผับสำหรับเพศที่สาม ซึ่งปัจจุบันสามารถยังสามารถแบ่งได้อีก 7 กลุ่ม คือ ชายจริง หญิงแท้ คิง ควีน ทอม ดี้ และกระเทย
แม้ตลาดไนท์ เอนเตอร์เทนเมนต์จะมีอยู่หลายสมรภูมิ แต่ในข่าวนี้จะขอโฟกัสไปที่ “ผับ” ซึ่งเป็นตลาดที่สัดส่วนมากที่สุดถึง 60% และมีสีสันเร้าใจเป็นที่สุดในยุคนี้
สาเหตุส่วนหนึ่งที่ไนท์ เอนเตอร์เทนเมนต์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากขึ้นก็เพื่อสนองตอบความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่แตกต่างกันออกไป โดยเทรนด์ที่มาแรงในขณะนี้ก็คือ โคโยตี้ผับ ผับที่มีสาวนักเต้นเอวบางร่างน้อย หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู อายุเกิน 20 ขึ้นมาเล็กน้อยในชุดเปิดมาก-ปิดน้อยโชว์สเต็ปแดนซ์บนเคาน์เตอร์ ความแรงของผับแบบโคโยตี้ส่งผลให้คอกเทลเลาจน์ที่เคยเป็นที่นิยมในหลายปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบอย่างหนัก ถึงขนาดบางรายต้องปิดตัวลงไป หรือไม่ก็ต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนด้วยการนำสาวโคโยตี้เข้ามาผสมเพื่อให้เขากับกระแส
“คนเปลี่ยนจากเที่ยวเลาจน์มาเที่ยวโคโยตี้เพราะเบื่อกับฟอร์แมทเดิมๆ เพราะคอกเทลเลาจน์สามารถเอาเงินซื้อได้ แถมพนักงานก็แก่ พอมาโคโยตี้เจอเด็กๆหน้าใสๆ จึงเกิดอาการอยากกินแต่ก็กินไม่ได้ ได้แต่จับอย่างเดียว คนเลยรู้สึกตื่นเต้น” นักธุรกิจ-นักการตลาดที่เป็นนักเลงราตรีรายหนึ่งเล่าให้ฟัง ตอนนี้ร้านโคโยตี้จึงเยอะมาก หลายคนทำผับแล้วไม่รอดใส่โคโยตี้เข้าไปทันที มันเหมือนเป็น development ล่าสุด บางทีถ้าสาวโคโยตี้ประพฤติตัวไม่ดี เช่น ไปกับแขกจนใครต่อใครพูดถึง อีกไม่นานผับนั้นเกรดจะตกลงไปเลย แล้วยากที่จะดึงเกรดให้กลับมาดีเหมือนเก่า
สำหรับผู้ปลุกกระแสผับโคโยตี้ให้เกิดขึ้นในบ้านเราน่าจะเป็นฟอร์เต้ ที่ปัจจุบันเริ่มโรยราไปตามเวลา โดยผับโคโยตี้ที่เริ่มมาแรงในขณะนี้ก็มีคาริบเบียน รีสอร์ท ซึ่งผับประเภทนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับเอ ขณะที่บรรดาผับอื่นๆบริเวณถนนรัชดาฯ อาร์ซีเอ ทองหล่อ อยู่ในระดับบีขึ้นไป จากก่อนหน้านั้นทองหล่อ และถนนสุขุมวิทจะจับกลุ่มเป้าหมายระดับเอ หรือเอบวก เนื่องจากบริเวณนี้จะเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของคนมีสตางค์อยู่บ้านหลังโต คอนโดหรู ขณะที่ถนนรัชดาฯจะถูกแวดล้อมไปด้วยอาบอบนวด เลาจน์ ผู้ที่พักอาศัยในอพาร์ทเมนต์ ทำให้ผู้มาเที่ยวจึงหนีไม่พ้นกลุ่มดังกล่าวไปด้วย
แม้โลเกชั่นจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สกรีนคนที่มาเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ราคาน้ำมันเข้ามามีส่วนในการตัดสินใจให้คนเริ่มหันมาเที่ยวใกล้บ้านมากยิ่งขึ้น แต่ในประดา Marketing mix ทั้ง 4 ตัว P-Product ถือเป็น Key success factor ในธุรกิจไนท์ เอนเตอร์เทนเมนต์เลยทีเดียว ซึ่ง P ตัวนี้ครอบคลุมไปถึงคอนเซ็ปต์ของร้าน การตกแต่ง ตลอดจนมาม่า ซัง น้องๆนักเต้น และนวลนางที่มานั่งออดอ้อน
“มาม่าเป็นส่วนสำคัญในการดึงคนอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นคนคอยเทกแคร์ ให้คำปรึกษาที่เป็น อินฟอร์เมชั่น อินไซด์ เช่น น้องคนนี้นิสัยดีไม่ดียังไง แต่คนพวกนี้เขาจะไม่อยู่ที่ใดที่หนึ่งนานๆ และการที่มาม่าซังพยายามให้แขกเปิดเมมเบอร์ก็เพื่อให้ผู้บริโภคอยู่กับร้านไปนานๆ เพราะรู้ดีว่าพฤติกรรมผู้บริโภคจะไม่มีลอยัลตี้ จะไม่อยู่ที่ร้านใดร้านหนึ่งนานๆ ส่วนน้องโคโยตี้ก็จะเป็นแม่เหล็กให้คนมาเที่ยว ยิ่งถ้าได้น้องๆหน้าตาดีๆก็จะยิ่งมีคนเที่ยวเยอะ เพราะทั้งหนุ่มทั้งป๋าจะแย่งกันมาจีบ”
คนไร้ลอยัลตี้-บ.เหล้าแข่งดุ
ปัจจัยผับ-บาร์เบิกบาน
จากการที่นักเที่ยวปัจจุบันไม่มีความจงรักภักดีที่ใดที่หนึ่งนานๆ ต่างจากแต่ก่อนที่นักเที่ยวมักนั่งฝังตัวอยู่กับที่ไม่ค่อยย้ายหนีไปไหน อาจเป็นเพราะสมัยก่อนไม่ค่อยมีผับให้เลือกมากมายเหมือนในสมัยนี้ หรือเป็นเพราะการเที่ยวในสมัยก่อนขีดวงอยู่เฉพาะกลุ่มผู้ใหญ่ที่ทำงานแล้ว กับบรรดาป๋าๆเท่านั้น ขณะที่ปัจจุบันนักเที่ยวรุ่นเด็กมหาลัยมาแรงแซงหน้า บุญเจริญกล่าวว่า ปัจจุบันนักเที่ยวของที่ร้านเป็นนักศึกษาประมาณ 50% ที่เหลือจะเป็นคนที่ทำงานแล้ว
ส่วนรัชดาซอย 4 ส่วนมากจะเป็นกลุ่มนักศึกษา ซึ่งกลุ่มนักเที่ยววัยรุ่นของบ้านเรามักจะเป็นพวก Socializing คือไปเที่ยวกันเป็นกลุ่ม ทำให้แม้จะมีเงินไม่มาก เพราะยังไม่ทำงาน แต่สามารถเที่ยวได้บ่อยครั้ง เพราะใช้ระบบแชร์กันจ่าย จากการสำรวจพบว่าส่วนใหญ่จะมาเที่ยวกับสัปดาห์ละ 2 ครั้ง รองลงมาเป็นวันเว้นวัน แต่ก็มีบ้างบางคนที่มาทุกวัน โดยเฉพาะรายที่ต้องการจีบน้องโคโยตี้ นัยว่าเพื่อต้องการสร้างความประทับใจ
“ผู้ใช้บริการเมื่อก่อนกับสมัยนี้มีข้อแตกต่างกันหลายมุม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกคอนเซ็ปต์ของสถานที่ที่มีไอเดีย การแห่ไปที่ใหม่ๆไม่เป็นสาวกของร้านอย่างภักดี ต้องการเสพสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ พวกนี้เป็นวัฒนธรรมที่เพิ่งจะเป็น จากแต่ก่อนไม่หนักขนาดนี้จะอยู่เป็นที่เป็นทาง เดี๋ยวนี้วนไปวนมาตามความชอบของแต่ละกลุ่ม” บุญเจริญ เล่าให้ฟัง
จากการที่นักเที่ยววัยรุ่นไม่มีความจงรักภักดีต่อร้านที่เที่ยว ยกเว้นจะถูกใจกับคอนเซ็ปต์ของร้านอาจอยู่ยาวนานขึ้น แต่มักไม่เกิน 6 เดือนก็เปลี่ยนร้านอีก ทำให้ร้านประเภทนี้มีอัตราการเกิด-ตาย-เกิด-ตายค่อนข้างสูง (อ่านล้อมกรอบ Entertainment business เกิดง่าย...ตายง่าย)
และจากการที่ธุรกิจนี้ลงทุนไม่สูง แต่ได้รับผลตอบแทนมากจึงทำให้มีหลายคนทั้งหน้าใหม่-หน้าเก่าแห่เข้ามาเพิ่มขึ้นดังที่กล่าวข้างต้น เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อร้านเหล่านี้เป็นช่องทางการตลาดสำคัญของบรรดาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ฟาดฟันกันอย่างหนักของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่บ้านเรา ริชมอนเด้-เพอร์นอต ริคาร์ด ผู้จำหน่ายเหล้าที่เป็นคู่แข่งกันตลอดกาลอย่างเหล้าแบล็ก เรด เลเบิ้ล กับชีวาส
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทั้ง 2 ค่ายต่างพยายามใช้กลยุทธ์บล็อกไม่ให้เหล้าอีกฝ่ายมีโอกาสเสนอหน้าเข้าไปขายในร้านที่ตนผูกอยู่ ด้วยการเสนอเม็ดเงินให้กับเจ้าของร้านที่เป็นเจ้าของช่องทางขาย หรือ On Premise จำนวน 5-10 ล้านบาท สำหรับร้านขนาดใหญ่ หากเป็นร้านขนาดเล็กอาจรับเงินแค่หลักแสนหรือล้านต้นๆเท่านั้น ทำให้ร้านส่วนใหญ่จึงเลือกขายให้เจ้าใดเจ้าหนึ่งเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น เพราะหาก 2 ใจไม่รู้จะเลือกรักใครดีทางเจ้าของสินค้าอาจไม่ยินยอมจ่ายเงินก้อนโตให้ หรือจ่ายให้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งจากเงินจำนวนนี้ทำให้ร้านค้าต่อลมหายใจไปได้พอควร และที่ผ่านมาทางริชมอนเด้สามารถเข้าไปครองตลาดออน พรีมิสได้ค่อนข้างมาก จึงไม่แปลกที่ยอดขายเหล้าในระดับเรด เลเบิลขึ้นไปจึงสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเหนือกว่า
Technology power
ทว่า จากหลายปัจจัยทั้งหลายทั้งปวงข้างต้นเป็นเพียงแค่จิ๊กซอว์ตัวเล็กๆทำให้ไนท์ เอนเตอร์เทนเมนต์เติบโต แต่จิ๊กซอว์ตัวใหญ่เบิ้มที่เป็นแรงผลักดันให้ตลาดบันเทิงนี้เติบโตอย่างคึกคักก็คือ การเข้ามาของเทคโนโลยีการสื่อสาร จากการพูดคุยของ “ผู้จัดการรายสัปดาห์” กับนักท่องราตรีตัวยง กับผู้บริหารผับรายใหญ่ แทบจะกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน
“พฤติกรรมการเที่ยวเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไป เมื่อเทคโนโลยีเข้ามา การที่ทุกคนมีมือถือใช้กันหมดทำให้เราต้องนำเทคโนโลยีการสื่อสารมาใช้กับการตลาดเพื่อให้ถึงนักเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการโทรหา หรือส่งเอสเอ็มเอส จากเมื่อก่อนไม่มีเว็บไซต์ แต่เดี๋ยวนี้แทบทุกผับจะต้องมีเว็บไซต์ของตนเอง เพื่อให้เด็กๆเข้าไปค้นหาข้อมูล พวกนี้เป็นมุมกว้างของการตลาด เป็นการทำให้คนรู้จัก และใครที่สัมผัสพวกนี้ได้เยอะ มันทำให้ตัวเองกว้างขึ้นเรื่อยๆ” บุญเจริญ กล่าว และว่า
เมื่อก่อนคนจะเปิดผับสิ่งที่ต้องทำหลักๆคือลงโฆษณาในวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร แต่ปัจจุบันไม่ต้องทำอะไรมากเพียงแค่ไปเปิดเว็บไซต์ไว้ ทำให้ภาพลักษณ์และคอนเซ็ปต์ชัดเจน ใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อสื่อสารเข้าไว้ แน่นอนว่าตอนเปิดผับแรกๆอาจยังไม่มีเบอร์ติดต่อลูกค้า แต่หลังจากทำตลาดมาแล้วระยะหนึ่ง แต่ละคนจะทำดาต้าเบส เพราะใครเข้ามาหาแสดงว่าเขาต้องเลือกว่าสถานที่นั้นเหมาะสำหรับตน โดยเราจะใช้งบประมาณในเรื่องนี้คิดเป็นเงินหลักล้านบาท
เช่นเดียวกับนักเที่ยวตัวยง กล่าวเสริมว่า ต้องขอบคุณมือถือ ซึ่งปัจจุบันลามมาถึงอินเตอร์เน็ตแล้ว ที่ทำให้ดีมานด์กับซัปพลายเกิดความสมดุลกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการตลาดแบบขายตรงหลายชั้น หรือเอ็มแอลเอ็ม คือ หากนักเที่ยวคนหนึ่งมีเพื่อนก็จะส่งเบอร์ของน้องๆที่รู้จักมาให้ ข้อดีก็คือได้รู้จักน้องๆโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ทำให้ตกลงกันง่ายขึ้น นอกจากนี้น้องๆก็เกิดความเชื่อมั่นมากกว่าเดิม คือ เมื่อรู้ว่าป๋าที่เพิ่งโทรมาเป็นเพื่อนกับป๋าที่เคยรู้จัก และรักในอัธยาศัยน่ารัก คุยสนุก ทิปหนัก ทำให้เชื่อว่าเพื่อป๋ากับป๋าน่าจะมีนิสยัใจคออย่างเดียวกัน
“นอกจากพวกป๋าแล้ว บรรดาวัยรุ่นมีเงิน ถ้ามือถือไม่ซ่อนไฟล์ไว้ก็จะต้องมีเบอร์พิเศษกันหมด เป็นไดเรคทอรี่ส่วนตัว ส่วนอีกฟากบรรดามาม่าซังกับน้องๆก็จะใช้ข้อมูลส่วนตัวที่ตนมีอยู่โทรไปจิกแจกให้มาเที่ยว โดยเฉพาะในวันธรรมดาที่ไม่ค่อยมีคน” นักเที่ยวคนเดิมกล่าว
**************
Entertainment business
เกิดง่าย...ตายง่าย
แม้จะมีผับเปิดตัวมากมายหลายร้าน คิดเป็นตัวเลขการเติบโต 50-60% แต่ในจำนวนการเกิดขึ้นที่มากมายนั้นก็มีปิดตัวไปหลายร้านเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงโลว์ ซีซัน จะเห็นการจากไปของร้านที่ไม่แข็งแรงเป็นจำนวนมาก อันเนื่องมาจากในธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นธุรกิจที่ต้องเข้าเร็วออกเร็ว เสมือนกับนักมวยประเภทฉาบฉวย อัดคู่ต่อสู่ไปสักตุ้บสองตุ้บก็โดดฉากออกมา ทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ต้องเร่งระดมสรรพกำลังอย่างเต็มที่เพื่อดึงลูกค้าให้เข้าร้าน และคืนทุนโดยเร็วที่สุด เนื่องจากวงจรธุรกิจของร้านประเภทนี้สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่จะรอดหรือไม่อยู่ในช่วง 3 เดือนเท่านั้น ถ้าเป็นผู้มีฝีมือบ้างจะใช้เวลาราว 3-5 ปี ถ้ามือระดับเซียนจะอยู่ที่ 10 ปี
แม้จะไม่มีใครทำแล้วอยู่ยั้งยืนยงก็มีผู้กระโดดเข้าสู่ธุรกิจนี้อยู่เนืองๆ
เท่าที่เห็นฮิตทำกันมากในธุรกิจนี้นอกจากจากลงโฆษณาตามสื่อต่างๆแล้วก็คือ การไปโรดโชว์ตามสถานที่ต่างๆ เท่าที่เห็นส่วนมากจะเป็นร้านใหญ่ และเป็นสแตนอะโลน อย่าง ปั๊มพ์ อัพ ที่เพิ่งเปิดตัวบริเวณถนนรัชดาฯ เยื้องๆกับรัชดา ซอย 4 กับอีกกลยุทธ์ที่ฮิตกันมากก็คือการจัดแสดงคอนเสิร์ตในร้านส่วนจะเป็นวงไหน ค่ายใด ก็สุดแต่ว่าวางคอนเซ็ปต์ของร้านไว้อย่างไร และส่วนใหญ่จะเป็นการจัดในวันธรรมดาๆเพื่อเรียกคน เพราะวันศุกร์-เสาร์นั้น ไม่ต้องทำกิจกรรมอะไรคนก็มีกันให้คึกคักอยู่แล้ว
แม้จะคึกคักในวันนี้ แต่ใช่เป็นเครื่องรับประกันได้ว่าวันพรุ่งนี้จะคึกคักเหมือนเดิม หรือเดือนหน้าจะคึกคักเหมือนวันนี้ เพราะเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปของคนที่ทำธุรกิจว่า ผู้เที่ยวไม่มีความจงรักภักดี นึกจะเลิกก็เลิกชนิดไม่มีลางบอกเหตุ
ด้วยความที่เดี๋ยวก็เกิด เดี๋ยวก็ตายเช่นนี้นี่เองทำให้บางคนเรียกธุรกิจประเภทนี้ว่า “ถั่วงอก” คือ เป็นยิ่งกว่าไม้ล้มลุก เกิดขึ้นเป็นต้นได้ไม่เท่าไร หรือบางต้นเพิ่งงอกออกจากเปลือกเท่านั้นก็ตายเสียแล้ว
“พวกนี้จะเกิดง่าย ขึ้นง่าย แต่อายุสั้น สำหรับพวกรายใหญ่อาจจะเป็นฟาร์มถั่วอย่าง yes indeed หรือ mortal พวกนี้เป็นคนที่ทำธุรกิจ” นักการตลาดรายหนึ่ง ให้ความเห็น
สิ่งที่เห็นในวงการนี้ก็คือ จะมีการ Renovate ร้านให้ดูทันสมัย หรือเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายใหม่บ่อยครั้ง เช่นที่ถนนอาร์ซีเอจากเดิมเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นไปเที่ยว แต่หลังจากซบเซาไปช่วงหนึ่งและได้รับปรับปรุงใหม่ ทำให้แหล่งเที่ยวย่านนี้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เพียงแต่กลุ่มที่มานั่งเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มคนทำงานมากขึ้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|