|
เปิดแผนปั้นมาร์เกตแคป2เท่า ตลท.ดึงบริษัทใหญ่เอเชียเข้า
ผู้จัดการรายวัน(30 กันยายน 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
บอร์ดตลท.สานนโยบายรมว.คลัง ดันมาร์เกตแคป 5 ปีสูง 2 เท่าของปัจจุบัน นัดถก 5 ต.ค. ดึงบริษัทใหญ่ในเอเชียเข้าเทรด พร้อมตั้งเป้าปีหน้าหุ้นเข้า SET 60-70 บริษัท ส่วน mai 30 บริษัท ส่วน "เบียร์ช้าง" เชื่อที่ปรึกษาฯตรวจสอบกฎเกณฑ์ ตลท. ก่อนยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. "ก้องเกียรติ" เผยแบ่งงาน 12 หัวข้อจัดสรรแต่ละองค์กรรับผิดชอบ นัดหารือรอบใหม่ 11 ต.ค.นี้
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 ต.ค. นี้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์จะมีการหารือเกี่ยวกับแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 2 ซึ่งจะเป็นการสานต่อนโยบายของนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังที่กำหนดกรอบในการพัฒนาตลาดทุนไว้ในช่วงเวลา 5 ปี (2549-2553) รวม ทั้งเป้าหมายมูลค่าตลาดรวม (มาร์เกตแคป) ของตลาดหลักทรัพย์ใน 5 ปีสูงกว่าปัจจุบัน 2 เท่า
การประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่างแผน พัฒนาตลาดทุนได้แบ่งงานของแต่ละหน่วยงานในการ รับผิดชอบ ทั้งจำนวนบริษัทจดทะเบียนและการเข้า และจำนวนนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงพัฒนาด้านส่งเสริมบรรษัทภิบาล ทรัพยากรบุคลากร และตลาดตราสารหนี้
สำหรับแนวทางในการเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนเบื้องต้นอาจจะมีการดึงบริษัทขนาดใหญ่ (Gobol brand) ในภูมิภาคเข้ามาจดทะเบียนในตลาด เพื่อให้มีมาตราฐานที่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ และเข้าสู่ระดับสากล
อย่างไรก็ตาม คงจะต้องมีการพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการในการจูงใจเพื่อกระตุ้นความน่าสนใจที่จะให้บริษัทในกลุ่มดังกล่าวเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์จะมีการหารือเกี่ยวกับแผนงานตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2549 ด้วย โดยในปีหน้าตลท.ตั้งเป้าที่จะมีบริษัทที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯจำนวน 100 บริษัท โดยแบ่งเป็นการเข้าจดทะเบียนในตลาด-หลักทรัพย์ฯจำนวน 60 บริษัทและตลาดเอ็มเอไอ 40 บริษัท ส่วนปีนี้ตั้งเป้าไว้ 65 บริษัทแบ่งเป็นตลาด-หลักทรัพย์ฯจำนวน 50 บริษัท และตลาดเอ็มเอไอจำนวน 15 บริษัท
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วง 3 เดือนที่เหลือ ของปีนี้จะมีบริษัทที่พร้อมยื่นแบบแสดงรายการ ข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ประมาณ 30 บริษัท ขณะที่ปัจจุบันมีบริษัทที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต.ให้สามารถกระจายหุ้นรวมถึงได้รับการอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์ฯให้ระดมทุนได้ประมาณ 10 บริษัท แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดช่วงเวลาที่จะเข้าซื้อขายเนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานคณะร่างแผนแม่บท พัฒนาตลาดทุน ฉบับที่ 2 กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมาได้ประชุมหารือกับสมาชิก รวมถึงหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้กำหนดแบ่งงานให้กลุ่มสมาชิก 12 หัวข้อ พร้อมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดความชัดเจนก่อนนำมาเสนอให้ที่ประชุมอีกครั้ง 11 ต.ค.
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย กล่าวว่า ในส่วนงานของสมาคมฯได้รับมอบหมาย 2 เรื่อง คือ 1. การขยายฐานนักลงทุน ซึ่งจะเป็นแกนนำและหารือกับทั้ง 5 หน่วยงานที่เป็นสมาชิกสภาธุรกิจตลาดทุนไทยและนำเสนอแผน2. เรื่องการพิทักษ์สิทธินักลงทุน โดยในเรื่องนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯและสำนักงาน ก.ล.ต.จะเป็นแกนนำจัดทำรายละเอียด
นางสาวโสภาวดียังกล่าวถึงกรณี บริษัทไทยเบฟเวอรเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ เบียร์ช้าง เชื่อว่าบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินน่าจะตรวจสอบกฎเกณฑ์ ของตลท.แล้วก่อนที่จะยื่นไฟลิ่งไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาไม่เคยมีบริษัทใดที่พิจารณาผ่านสำนักงาน ก.ล.ต. แล้วไม่ผ่านเกณฑ์ของ ตลท. เพราะการตรวจสอบกฎเกณฑ์ของตลท.ทำได้ก่อนหน้าที่จะยื่นไฟลิ่ง
ส่วนประเด็นคุณสมบัติของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนจะต้องเป็นประโยชน์ต่อสังคม เรื่องดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือการตีความที่แตกต่าง กันในเรื่องเดียวกัน ตลท.จึงตัดกฎเกณฑ์นี้ให้ทาง ก.ล.ต.เป็นผู้พิจารณาแห่งเดียว
"คงเป็นเรื่องยากหาก 2 หน่วยงานมีกฎเกณฑ์ เดียวกัน เพราะอาจจะตีความในเรื่องเดียวกันต่างกัน" นางสาวโสภาวดีกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|