บลิส-เทล เปิดธุรกิจมือถือ "มือสอง" หวังเพิ่มส่วนแบ่งตลาดถึงเป้าหมื่นล.


ผู้จัดการรายวัน(29 กันยายน 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

บลิส-เทล หันมองรายได้จาก ตลาดเครื่องมือสอง ที่ทำกำไรได้มากกว่าการขาย เครื่องใหม่ เปิดแคมเปญ "U can turn" มือถือเครื่องเดิมเปลี่ยนเครื่องใหม่ลด 40% คาดทำให้ส่วนแบ่งการตลาดในโค้งสุดท้ายเพิ่มเป็น 25% ทั้งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บลิส-เทลกลับมาเล่นในตลาดเครื่องมือสอง ได้อีกครั้ง พร้อมแผนขยายอีกกว่า 1,000 สาขาใน 3 ปีด้วยเงินลงทุนประมาณ 4-500 ล้านบาท

นางสาวประกายดาว เขมะจันตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บลิส-เทล กล่าวว่าในครึ่งปีหลังนี้ บลิส-เทลจะหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดเครื่องมือสองมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีใครมาให้ความสำคัญในตลาดนี้ บลิสเทลเป็นรายแรกที่จับตลาดก่อน โดยมองว่าการทำตลาดเครื่องมือสองจะมีกำไรอย่างน้อย 10% หรือบางเครื่องสามารถทำกำไรได้ถึง 25% ขณะที่การทำตลาดเครื่องใหม่มีกำไรเพียง 7-8% เท่านั้น

"บลิส-เทล เคยทำตลาดเครื่องมือสองเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นการขายส่งให้ดีลเลอร์อย่างมาบุญครองหรือผู้ทำตลาดในต่างประเทศที่สนใจเข้ามาสั่งซื้อโดยแจ้งความต้องการว่าต้องการซื้อเครื่องมือสอง โดยเฉพาะเป็นจำนวนล็อตใหญ่"

6 เดือนที่ผ่านมาบลิส-เทลทำตลาดมือถือได้ประมาณ 6 แสนเครื่อง ตั้งเป้าสิ้นปี 2548 ที่ 1.3-1.4 ล้านเครื่องเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10% ที่ขายได้ประมาณ 1.15 ล้านเครื่องคิดเป็นรายได้ 6 เดือนแรกประมาณ 4,300 ล้านบาท กำไรประมาณ 80 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้สิ้นปีที่ 10,000 ล้านบาท

เพื่อกระตุ้นตลาดเครื่องมือสอง บลิส-เทล เปิดแคมเปญใหม่ "U can turn" ให้ลูกค้าสามารถนำมือถือเครื่องเดิมที่ซื้อกับบลิส-เทล มาเปลี่ยนเครื่องใหม่ด้วยส่วนลด 40% ของราคาเครื่องเดิม ซึ่งต้องมีอายุการใช้งานนับจากวันที่ซื้อไม่เกิน 6 เดือนเช่นถ้าซื้อเครื่องแรกราคา 1 หมื่นบาทใช้ไม่เกิน 6 เดือน จะได้ส่วนลด 4 พันบาทในการซื้อเครื่องใหม่ และหากเป็นเครื่อง ที่อายุการใช้งานไม่เกิน 9 เดือนจะได้ส่วนลด 30% แคมเปญนี้มีจนถึงสิ้นปี

ปัจจุบันมือถือรุ่นใหม่ๆ มีความถี่ในการออก สู่ตลาดเร็วมากยิ่งขึ้นเฉลี่ย 20 รุ่นต่อเดือนทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคก็มีการเปลี่ยนเครื่องเร็วขึ้นเฉลี่ยปีละ 2 ครั้ง ซึ่งบลิส-เทลพบว่ายอดขายเครื่องเปล่ามีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆคิดเป็น 90% จากยอดการขายทั้งหมดในแต่ละเดือนที่ประมาณ 110,000 เครื่องแคมเปญ "U can turn" คาดว่า จะส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดในโค้งสุดท้ายของ บลิส-เทลเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 18-20% ด้วยจำนวนชอปที่มีอยู่กว่า 340 สาขาทั่วประเทศ ซึ่ง บลิส-เทลมีแผนจะขยายสาขาให้เพิ่มมากขึ้นอีกประมาณ 1,000 สาขาภายใน 3 ปี หรือขยายตาม การเพิ่มขึ้นของโลตัสเอ็กซ์เพรส ซึ่งคาดว่าจะต้อง ใช้เงินลงทุนสาขาละประมาณ 4-5 ล้านบาท รวม เงินลงทุนในช่วง 3 ปีประมาณ 400-500 ล้านบาท

แคมเปญใหม่ของบลิส-เทลนี้มองในแง่ซัปพลายเออร์ตัวเครื่องแล้วอาจไม่ชอบใจนักเพระไม่ได้ทำให้ขายเครื่องใหม่ได้เพิ่มมากขึ้น แต่บลิส-เทล ทำแล้วมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งจากการซื้อเครื่องครั้งแรก และกับการซื้อครั้งที่ 2 แม้จะมีส่วนลดก็ตาม

นอกจากนี้เครื่องเก่าที่รับคืนจากลูกค้า บลิส-เทลก็สามารถเอามาทำตลาดได้อีก เท่ากับเป็นการเปิดตัวในตลาดเครื่องมือสองอีกครั้ง โดยมีผู้ซื้อที่รออยู่แล้วคือ 1. ส่งออกเครื่องไปต่างประเทศให้กับลูกค้าเป็นล็อตใหญ่ อย่างในประเทศอินเดีย หรือบางประเทศที่ยังไม่พัฒนามากนัก 2. ตลาดเครื่องมือสองอย่างมาบุญครอง และ 3. เครื่องมือสองเป็นช่องทางในการทำตลาดเองในรูปแบบของการเปลี่ยนหน้ากากใหม่และขายให้กับลูกค้าที่ต้องการ

"ตลาดเครื่องมือสองเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ แม้วันนี้ยังประมาณรายได้ได้ยาก โดยคาดว่าจะเห็นรายได้ตั้งแต่ปี 49 ไปแล้ว เพราะกว่า ลูกค้าที่ซื้อเครื่องในวันนี้ที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่ก็ประมาณต้นปี 49 ไปแล้ว"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.