|
ปีทองของแสนสิริ
นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ปีนี้เป็นปีแรกของบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่จะมียอดขายแตะเพดาน 10,000 ล้านบาท สูงเป็นอันดับ 2 รองจากบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่มียอดขายทะลุหลัก 2 หมื่นล้านบาทไปแล้ว
สาเหตุสำคัญน่าจะมาจากกลยุทธ์และเงื่อนไขใหม่ๆ ด้านการเงินที่ใช้ในโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมทั้งหมดประมาณ 30 โครงการในทุกระดับราคา เช่น แพ็กเกจ "Siri Safety" ซึ่งร่วมกับบริษัท อเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวรันส์ (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยอัตราดอกเบี้ย 3.75% ใน 2 ปีแรก หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะคงที่ 5.75% ตลอดอายุสัญญานานสูงสุด 25 ปี ซึ่งเป็นการช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารต้นทุน และลดความเสี่ยงประกอบกับราคาน้ำมันและดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเสมือนตัวช่วยเร่งการตัดสินใจของลูกค้าให้เร็วขึ้น
แต่เงื่อนไขจูงใจต่างๆ เหล่านี้อาจใช้ไม่ได้กับโครงการบ้านแสนสิริ สุขุมวิท 67 โครงการใจกลางเมืองพื้นที่ 38 ไร่ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเพียงไม่ถึง 400 เมตร ที่มีราคาขายหลังละ 30-60 ล้านบาท และเริ่มขายไปเมื่อปลายปี 2547 ที่ผ่านมา
บ้านแสนสิริ สุขุมวิท ไม่ได้หมายถึงโครงการบ้านขายเศรษฐีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ได้สะท้อนไปถึงปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการบ้านจัดสรรของเมืองไทยเพราะ 1. เป็นโครงการ บ้านจัดสรรแห่งแรกของเมืองไทยที่ปูพรมตอกเสาเข็ม ทำการก่อสร้างก่อนขายพร้อมๆ กันถึง 96 ยูนิต ในขณะที่แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เจ้าของสโลแกน "ไม่เห็นบ้าน อย่าซื้อ" และสร้างบ้านก่อนขายเป็นเจ้าแรกยังทยอยสร้างแค่ครั้งละ 5-10 หลังเท่านั้น (ไม่รวมกลุ่มพฤกษาสิริที่สร้างทาวน์เฮาส์หลังละไม่เกิน 1 ล้านบาท ครั้งละเป็นพันหลัง)
2. เป็นบ้านราคาแพงที่ผสมผสานกับการให้เช่าบ้านเพราะลูกค้าสามารถซื้อไว้ปล่อยเช่าเอง หรือให้บริษัทบริหารจัดการให้โดยลูกค้าที่เข้ามาเช่าต้องทำสัญญาอย่างน้อย 2 ปี ทำให้การันตีได้ว่าคนซื้อจะได้ค่าเช่าตอบแทนประมาณ 1.8-2.8 แสนบาทต่อเดือน ตามขนาดของบ้าน
3. เป็นการตอกย้ำชัดเจนว่า ตลาดบนยังมีความต้องการอย่างมาก
สมัชชา พรหมศิริ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่า ตลอดระยะเวลาการก่อสร้างมีลูกค้าเข้ามาสนใจขอเช่าจำนวน มาก ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่เคยเช่าห้องชุดหรืออพาร์ตเมนต์หรูแถวสุขุมวิท ตลาดเช่าเลยกลายเป็นตลาดใหญ่ไปโดยไม่ตั้งใจ แต่ก็ทำให้บริษัทโฟกัสกลุ่มเป้าหมายลูกค้าได้ชัดเจนขึ้น รูปแบบของการบริการต่างๆ เช่นเดียวกับการเข้าพักโรงแรมหรือเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ จึงถูกดึงเข้ามาใช้ในโซนที่เป็นบ้านเช่า
ในจำนวน 96 ยูนิตนั้นยอดขายเมื่อกลางเดือนกันยายน 2548 ที่ผ่านมา ปรากฏว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แสนสิริได้ซื้อโครงการ ไว้ปล่อยเช่าจำนวน 25 ยูนิต และได้ขอซื้อเพิ่มเพื่อปล่อยเช่าอีก 17 ยูนิต มีลูกค้าทั่วไปซื้อไว้ 30 ยูนิต ดังนั้นจึงเหลือเพียง 13 ยูนิต เท่านั้นเอง
ในขณะที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทข้ามชาติต่างๆ เป็นลูกค้ารายใหญ่ของตลาดเช่า แต่สำหรับตลาดบ้านสมัชชายืนยันว่า ยังมีเศรษฐีใหม่ชาวไทยอีกมากเช่นกัน เพราะพบว่าลูกค้ากว่า 90% ซื้อบ้านด้วยเงินสดชำระเงินจองแล้วโอนเลย
พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปทุกวัน สิ่งใหม่ๆ ในวงการบ้านจัดสรรก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อได้เปรียบของการเป็นบริษัทพัฒนาที่ดินแบบครบวงจรอย่างแสนสิริ ที่มีตั้งแต่บริษัททำรีเสิร์ชที่ให้ความ สำคัญในเรื่องการจัดเก็บข้อมูล ไปจนถึงมีบริษัทบริหารหลังการขาย จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่ได้เปรียบอย่างมากในการกล้าฟันธงทำโครงการใหม่ๆ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|